iBOT i800 Hybrid Review

ปัจจุบันนี้มีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดอยู่มากมาย หลากหลายรุ่นหลายยี่ห้อ แน่นอนว่า รูปร่างหน้าตา ความสามารถ ฟังก์ชั่น ต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กันหมดแล้ว ทางผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในปัจจุบัน จึงจะต้องงัดเอาความสามารถที่มีอยู่ มาพัฒนาปรับปรุงต่อยอดให้ดีก่อน โดย Thanop.com จะพามาทำความรู้จักกับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid เป็นหุ่นยนต์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของเสียงที่ มีความเงียบมากๆ และนอกจากนี้ก็ยังมี พัดลมดูดฝุ่นที่แรง ทำให้ มีพลังดูดฝุ่นจากพื้นสูง จึงทำให้ดูดสะอาด หมดจด บวกกับการวิ่งทำงานที่ชาญฉลาด ครบถ้วนทุกบริเวณห้อง (ที่มันสามารถเข้าไปได้)

และเช่นเคย ก่อนที่จะเริ่มรีวิว ผมก็ได้ทำเมนูลัดเอาไว้ให้ เพื่อใครที่ต้องการจะข้ามไปยังส่วนที่ต้องการ ก็สามารถกดจาก ลิ้งค์เมนูด้านล่างนี้ได้เลย

1. รู้จักกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อ iBOT
2. รู้จักกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT ตระกูล Hybrid
3. แกะกล่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
4. ข้อมูลจำเพาะ ข้อมูลทางเทคนิค ของเครื่อง
5. คุณสมบัติ และ ความสามารถหลักๆ
6. สำรวจส่วนประกอบรอบๆ ตัวเครื่อง
7. เริ่มต้นการใช้งานเครื่องจริง
8. คำถามที่คุณต้องอยากรู้ (FAQs) เกี่ยวกับการใช้งาน
9. บทสรุปการใช้งาน

และก่อนที่จะไปอ่านรีวิวกันแบบละเอียดยิบ ผมได้ทำตัว คลิปวีดีโอ เอาไว้ เป็นการแนะนำตัวเครื่อง และ สรุปคุณสมบัติ ความสามารถของตัวเครื่องเอาไว้ หากสงสัยตรงส่วนไหนเพิ่มเติม ก็สามารถอ่านเอาจากตัวบทความรีวิวได้เลยครับ

รู้จักกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อ iBOT

คุณสามารถทำความรู้จักกับ ประวัติที่มาที่ไปของ แบรนด์ หุ่นยนต์ทำความสะอาด iBOT ให้มากกว่านี้ พร้อมรายละเอียดติดต่อ สถานที่สั่งซื้อ ฯลฯ ได้ที่ลิงค์เชื่อมต่อไปยังหน้ารายละเอียดด้านล่างนี้เลย

⇒ ทำความรู้จักกับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT

รู้จักกับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT ตระกูล Hybrid

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ ถ้าเรียกชื่อรุ่นแบบเต็มยศเลย ก็คือ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i-Series 800 Hybrid 2016 หรือ จะเรียกแบบเวอร์ชั่นย่อๆ ว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ก็ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น รุ่นยอดนิยม ของแบรนด์ที่ชื่อว่า iBOT Hybrid Robot Vacuum Cleaner หรือเรียกสั้นๆ ว่า iBOT นั่นเอง โดย iBOT นั้นเป็นบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ที่มีระบบเทคโนโลยีการใช้งานแบบ BLDC Hybrid System ที่ได้มาตรฐานสากลตามแบบฉบับของอเมริกา (USA Quality) ภายใต้ลิขสิทธิ์การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยทีมงาน i-Roboticc อีกทั้ง iBOT ยังเคยได้รับรางวัล INOVATION DESIGN AWARDS ปี 2014 ในด้านนวัตกรรม และ ดีไซน์ยอดเยี่ยม ของหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านอีกด้วย

เทคโนโลยี BLDC Hybrid System ของ iBOT i800 Hybrid มีดีอย่างไร ?

โดยความพิเศษของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ตัวนี้ กับกลไกการทำงานของระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่าง BLDC Hybrid System หรือ ก็คือระบบเทคโนโลยีกลไกอัจฉริยะ ที่ผสมผสานการทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ระหว่าง ระบบพลังงานแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน (Lithium-Ion Battery) และใช้ ระบบมอเตอร์พัดลมดูดฝุ่นแบบ BLDC หรือที่ย่อมาจากคำว่า “Brushless DC Mortor (มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบบไร้แปรงถ่าน)” นั่นเอง

ซึ่งใน มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่น แบบ BLDC นี้ จะเป็น มอเตอร์แบบกระแสตรง หรือ แบบไม่มีแปรงถ่าน ที่ก่อให้เกิดเสียงดัง และ มีแรงเสียดทานทำให้หมุนช้าลง อยู่ด้านใน โดยมันสามารถทำความเร็วรอบในการหมุนได้สูงถึง 9,000 รอบ/นาที (RPM) ซึ่งรุ่นก่อนหน้านั้นก่อนอัพเกรดทำได้ประมาณ 8,000 รอบ/นาที ทำให้พลังในการดูดฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ

นอกจากนี้แล้ว มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่นแบบ BLDC ทั้งยังมีระดับเสียงการทำงานที่เบาเงียบ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสถียรสูง และสามารถระบายความร้อนได้ดี พร้อมกับมีอายุการใช้งานที่ทนทานกว่าระบบมอเตอร์ DC แบบธรรมดาทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และนี่ก็คือข้อดีของระบบ มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่นแบบ BLDC Hybrid System ที่อยู่ในตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid นั่นเอง

แกะกล่องผลิตภัณฑ์

หลังจากที่ได้ ทำความรู้จักกับยี่ห้อผลิตภัณฑ์ และ คุณสมบัติคร่าวๆ ของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT กันไปแล้ว ก็มาถึงเวลาเริ่มแกะกล่องผลิตภัณฑ์ ดูรายละเอียดอุปกรณ์แต่ละชิ้นในกล่อง ว่าทางผู้ผลิตเขามีอะไรมาให้บ้าง มาดูกัน (ตามหมายเลข) เลย

1. iBOT i800 Hybrid (หุ่นยนต์ดูดฝุ่น x 1 เครื่อง)

เครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ได้ถูกออกแบบมาในลักษณะทรงกลม ทำให้สามารถหมุนตัวและเคลื่อนที่ไปทิศทางต่างๆ ได้สะดวกและคล่องตัว โดยตัวเครื่องผลิตจาก เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) ในรูปแบบ เอบีเอส (ABS) เกรด A ที่มีความทนทาน เงางาม แวววับ ทำความสะอาดได้ง่าย ขนาดของตัวเครื่องมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 360 มิลลิเมตร หรือ 36 ซม. และมีความหนาอยู่ที่ 92 มิลิเมตร  หรือ 9.2 ซม. จัดว่ามีรูปทรงสวยงาม ดูทันสมัย และด้วยการดีไซน์ที่ออกแบบมาให้ตัวเครื่องมีลักษณะค่อนข้างบาง ก็ทำให้สามารถลอดเข้าไปทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง  ไม่ว่าจะเป็น ใต้โต๊ะ ใต้เตียง ใต้เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ภายในบ้าน

2. Remote Control (รีโมทคอนโทรล ควบคุมเครื่องระยะไกล x 1 อัน)

ตัวรีโมทคอนโทรล ที่เอาไว้ควบคุมเครื่องจากระยะไกล มีขนาดกำลังดีมือ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ดีไซน์ก็ทำออกมาได้สวยงาม ดูทันสมัย ใช้งานได้ง่าย โดยเฉพาะปุ่มที่ใช้ควบคุมทิศทางของหุ่นยนต์ (เดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา) ที่ออกแบบมาในลักษณะของแกนโยก (คล้ายๆ กับจอยเกมส์แบบอนาล็อก) ทำให้การควบคุมทิศทางได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ส่วนทางด้านระบบการทำงานตัวรีโมท เป็นระบบสัญญาณแบบบลูทูธ (Bluetooth Wireless Remote Controller) และนอกจากนี้แล้ว มันยังสามารถส่งสัญญาณกับหุ่นยนต์ได้ทั่วถึง ทุกทิศทาง ในระยะรัศมี 12-15 เมตร โดยไม่ต้องชี้หรือหันรีโมทไปยังทิศทางเดียวกับตัวเครื่อง

3. Charging Base (แท่นชาร์จ x 1 ชุด)

อุปกรณ์ “แท่นชาร์จ” หรือ “Charging Base” อุปกรณ์ที่เป็นเสมือนบ้านของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เพราะมันมีหน้าที่เอาไว้ใช้เพื่อให้ หุ่นยนต์สามารถกลับมาพักที่แท่นชาร์จ และ ชาร์จไฟลงแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) ขนาดความจุ 2,200 มิลลิแอมป์ (mAh) ที่อยู่ด้านใน ได้เองโดยอัตโนมัติ

โดยอุปกรณ์นี้จะต้อง ใช้งานร่วมกับตัวอะแดปเตอร์ ที่จะต้องเปิดฝาครอบด้านหลังออกมา แล้วจะเจอ ช่องเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ ด้านใน สาเหตุที่มีฝาครอบด้วยก็เพราะว่า เมื่อเปิดออกมาแล้ว ด้านในจะเป็นพื้นที่โล่งๆ เพื่อให้คุณได้สามารถม้วนเก็บสายไฟ ยาว 1.8 เมตร ของอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ ไม่ให้มันออกมารกรุงรังด้านนอกได้ (หากต้องการ) เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น วิ่งพัน สะดุด สายไฟ นั่นเอง

ในขณะที่ข้างใต้ของ แท่นชาร์จจะมีแผ่นยางซิลิโคนกันลื่น ทั้ง 2 ฝั่ง ถูกติดตั้งเอาไว้สำหรับกันลื่น ช่วยให้ยึดติดกับพื้นได้ดีมากขึ้น ส่วนรูปแบบการจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Rated Power Supply) ของแท่นชาร์จ จะเป็นแบบ AC 100-240V 50-60Hz

4. Power Adapter (อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ x 1 ชุด)

ชุดอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ (Power Adapter Set) หรือ ตัวแปลงไฟฟ้า ที่ใช้สำหรับเสียบเข้าที่ด้านหลังของตัวแท่นชาร์จ หรือ จะเสียบเข้าโดยตรงกับตัวเครื่องหุ่นยนต์ เพื่อชาร์จพลังงานแบตเตอรี่ก็ได้เช่นกัน สายไฟมีความยาวที่ 1.8 เมตร (180 เซนติเมตร) และมีค่า Input ที่ 100-240V 50-60Hz 1500mA และ ค่า Output อยู่ที่ 24V 1000mA

5. Virtual Wall (กำแพงจำลอง x 1 ชุด)

อุปกรณ์คล้าย โดมประภาคาร สีดำ นี้เรียกว่า “อุปกรณ์สร้าง กำแพงจำลอง (Virtual Wall)” หรือบางยี่ห้ออาจเรียกว่า กำแพงเสมือน ก็ได้เช่นกัน มันเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้กั้นพื้นที่บางส่วน หรือ กั้นพื้นที่ห้องบางห้อง ที่ไม่ต้องการให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เข้าไปทำความสะอาดในบริเวณนั้น อาทิ ในบริเวณนั้นอาจจะมีเด็กทารก เด็กเล็ก หรือ ข้าวของรกรุงรัง อาศัยอยู่ด้านใน ก็สามารถใช้อุปกรณ์ตัวนี้กั้นได้

โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้จะทำหน้าที่จำลองกำแพงเสมือนขึ้นมาในรัศมี 4 เมตร เพื่อหลอกให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นคิดว่าพื้นที่ที่วางอุปกรณ์ Virtual Wall นั้น เป็นผนังหรือกำแพงที่หุ่นยนต์ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้นั่นเอง สำหรับการใช้งานอุปกรณ์ชิ้นนี้ จะต้องใส่ถ่านไฟฉายขนาดกลาง (ขนาด C / R14) 2 ก้อนด้วยกัน (แต่ในกล่องไม่ได้ให้ถ่านมาด้วย ต้องไปหาซื้อเอง)

6. Mop Plate (ถาดติดตั้งอุปกรณ์ถูพื้น x 1 ชุด)

ถาดติดตั้งอุปกรณ์ถูพื้น (Mop Plate) บางยี่ห้ออาจเรียกว่า “ที่ติดผ้าม็อบถูพื้นไมโครไฟเบอร์” แม้จะเรียกต่างกัน แต่ฟังก์ชั่นการทำงานเหมือนกันเป๊ะเลย ซึ่งก็คือเป็น ถาดพลาสติกบางๆ ที่ใช้เป็นตัวกลางยึดติดระหว่างตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (บริเวณใต้ท้องเครื่อง) กับ ผ้าม็อบถูพื้นไมโครไฟเบอร์ที่ใช้สำหรับถูพื้น โดยรูปแบบการยึดติดนั้น จะอยู่ในลักษณะของแถบตีนตุ๊กแก หรือ แถบหนามเตย (Velcro Tape) ทำให้ตัวถาดสามารถยึดติดกับผ้าได้อย่างแน่นหนาทนทาน สำหรับเวลาที่ต้องการจะถอดผ้าออกจากตัวถาด เพื่อนำไปทำความสะอาดก็สามารถทำได้อย่างสะดวก

7. Microfiber Mop (ผ้าม็อบถูพื้นไมโครไฟเบอร์ x 4 ผืน)

ผ้าม็อบสำหรับถูพื้นไมโครไฟเบอร์ อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับ ถาดติดตั้งอุปกรณ์ถูพื้น โดยในกล่องผลิตภัณฑ์ นั้นจะมีให้มาทั้งหมด 4 ผืนด้วยกัน (เผื่อสำรอง) โดยทั้งหมดจะ โดยจะในซองพลาสติก 2 ผืน และนอกซองพลาสติก 2 ผืน

ส่วนตัวผ้าม็อบนั้น เป็นเนื้อผ้าแบบไมโครไฟเบอร์ (Microfiber) มีคุณสมบัติเด่นคือ สามารถดูดซับน้ำ และ ฝุ่นละอองขนาดเล็กๆ ที่อยู่บนพื้นได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้แล้วยังสามารถ นำมาซักทำความสะอาดเพื่อใช้งานใหม่ได้หลายครั้ง อีกด้วย

8. User Manual (คู่มือการใช้งาน x 2 เล่ม)

มีคู่มือการใช้งาน (User Manual) ทางผู้จำหน่าย เขามาให้ 2 เล่ม จะเป็นแบบเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ 1 เล่ม และเวอร์ภาษาไทย 1 เล่ม เนื้อหาเขียนได้เข้าใจง่าย และละเอียดครบถ้วนดี มีทั้งการแนะนำการใช้งานเครื่อง รูปภาพประกอบ วิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น

หมายเหตุ : หลังจากที่ได้ลองอ่านแล้ว รู้สึกว่าเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะอธิบายได้ละเอียด และครบถ้วนกว่า ในส่วนของหน้าแรกๆ ที่เป็นสารบัญ และฟีเจอร์การใช้งานของหุ่นยนต์)

9. Double Side Brush (แปรงกวาดข้างแบบคู่ 2 ชุด)

ตัว แปรงกวาดข้าง (Side Brush) ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ มีลักษณะของขนแปรงแบบ 4 ก้าน ที่ค่อนข้างยาวกว่ารุ่นอื่นๆ เพื่อที่จะช่วยปัดกวาดฝุ่นได้ในบริเวณกว้างมากขึ้น โดยความยาวของขนแปรงจะอยู่ที่ 3 นิ้ว หรือ ประมาณ 7.62 เซนติเมตร (วัดเองโดยไม้บรรทัด)

โดยในกล่องผลิตภัณฑ์ เขาได้ให้มาทั้งหมด 2 ชุดด้วยกัน ซึ่งใน 1 ชุดจะประกอบไปด้วย แปรงกวาดข้าง 1 คู่ (ฝั่งซ้าย และ ฝั่งขวา) เบ็ดเสร็จทั้งหมด ให้มา 4 แปรง โดยชุดแรกจะติดตั้งมากับตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นให้เราเลย ส่วนอีกชุดหนึ่งจะให้เราไว้เป็นเก็บเป็นตัวอุปกรณ์สำรอง เผื่อชำรุดเสียหาย นั่นเอง

10. Cleaning Tools (แปรงทำความสะอาดอุปกรณ์)

เป็นแปรงขนาดเล็กๆ ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการทำความสะอาดอุปกรณ์และอะไหล่ต่างๆ ของตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เช่น ปัดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่เข้ามาผันรอบๆ บริเวณแกนล้อขับเคลื่อน หรือ แปรงดูดหลัก รวมถึงใช้ในการปัดฝุ่นที่ตกค้างอยู่ภายใน กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง (ถังเก็บฝุ่น) และ อุปกรณ์อื่นๆ ของตัวเครื่อง ที่อยู่ด้านใน และเข้าถึงยาก

ข้อมูลจำเพาะ ของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

หลังจากที่เห็นอุปกรณ์ ของตัวเครื่องกันมาแล้ว คราวนี้มาลองดูในรายละเอียดเชิงลึกของข้อมูลจำเพาะ หรือ ข้อมูลทางเทคนิค (Technical Specifications) ของตัวเครื่องกันดูบ้าง ว่าจะมีสเปคการใช้งานเป็นอย่างไรกันบ้าง ดูจากตารางด้านล่างนี้ได้เลย

รายละเอียด (Specification)
ขนาดมิติ (Dimension)	360 x 360 x 92 มม.
น้ำหนัก (Weight)	3.5 กิโลกรัม
ไฟเข้า (Input)	AC 100-240V 50/60 Hz
ไฟออก (Output)	DC 24V 1.0A (กินไฟ 18~30W)
ประเภทของแบตเตอรี่ (Battery Type)	Li-Ion
ปริมาณความจุแบตเตอรี่ (Battery Capacity)	2,200 mAh
ระยะเวลาการทำงานต่อเนื่อง (Working Time)	120 นาที (2 ชั่วโมง) (ขึ้นอยู่กับโหมดของการใช้งาน)
ระดับเสียง (Noise Level)	50 dB. (เดซิเบล) (วัดจากที่ระยะห่าง 1 เมตร)
ขนาดกล่องใส่ขยะ (ลิตร) (Dustbin Capacity – Litre)	0.80 ลิตร (800 mL)

คุณสมบัติ และ ความสามารถ ของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

มาดูกันที่ คุณสมบัติ และ ความสามารถเด่นของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid กันดูบ้างนะ ว่ามีอะไร ส่วนไหน ที่น่าสนใจกันบ้าง

1. โหมดทำความสะอาดหลากหลาย (i-Working Cleaning Modes)

สำหรับ โหมดการทำความสะอาดของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ตัวนี้ มีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสไตล์มากๆ ทางผู้ผลิต เขาออกแบบมาให้เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคุณ ให้ได้มากที่สุด โดย โหมดจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 รูปแบบสำหรับโหมดการทำความสะอาดทั่วไป และ 3 โหมดสำหรับโหมดทำความสะอาดเสริม ซึ่งก็ได้แก่

โหมดทำความสะอาดหลัก

1.1 i-Auto Mode (โหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ)

ใน “โหมด i-Auto” หรือ “โหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ (Audo Clean Mode” นี้จะประมวลผลการทำงานเองโดยอัตโนมัติ รูปแบบการเคลื่อนที่จะเป็นไปแบบสุ่ม (Random) กล่าวคือ มันเป็นการทำความสะอาดในรูปแบบผสมผสานของทุกๆ โหมดเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่แบบซิกแซก (i-Cruise Mode) หรือ วิ่งวนไปวนมาเป็นวงกลมเฉพาะจุด (i-Spot Mode) และ ดูดฝุ่นบริเวณขอบห้อง (i-Along-Wall Mode) เรียกได้ว่ามิกซ์ทุกโหมดกันไว้ที่นี่

ประโยชน์ : ใช้ทำความสะอาดในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป เมื่อเปิดแล้วมันจะวิ่งทั่วห้อง ไปยังพื้นที่ ที่สามารถเข้าไปถึงได้ และ จะวิ่งกลับแท่นชาร์จเองโดยอัตโนมัติเมื่อเสร็จสิ้น จัดเป็นโหมดที่ใช้งานได้ง่ายและสามารถใช้ได้กับสภาพห้องทุกรูปแบบ

1.2 i-Along Wall Mode (โหมดทำความสะอาดแบบเลาะขอบกำแพง)

สำหรับ “โหมด i-Along-Wall” นั้นหรืออีกชื่อหนึ่งคือ “โหมดทำความสะอาดแบบเลาะขอบกำแพง (Edge Cleaning Mode)” มีเอาไว้ ใช้สำหรับทำความสะอาดที่เน้นเฉพาะบริเวณขอบผนังกำแพง หรือบริเวณมุมห้อง โดยรูปแบบการทำงานของหุ่นยนต์จะวิ่งไล่ดูดฝุ่นตามขอบและมุมของห้องไปเรื่อยๆ จนครบทั่วทั้งบริเวณนั่นเอง

ประโยชน์ : เอาไว้เก็บเศษฝุ่นละออง ที่อยู่ตามขอบกำแพง หรือ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอาจจะตกค้างจากการกวาดบ้านด้านไม้กวาดธรรมดา บางทีกวาดใส่ที่โกยผงไม่หมด คุณสามารถใช้ โหมด i-Along-Wall Mode นี้ช่วยเคลียร์ฝุ่นให้ได้

1.3 i-Spot Mode (โหมดทำความสะอาดเฉพาะจุด)

การทำความสะอาดใน “โหมด i-Spot” หรือ “โหมดทำความสะอาดเฉพาะจุด (Spot Cleaning Mode)” นั้น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น จะวิ่งดูดฝุ่นเป็นรูปแบบของก้นหอย จากจุดที่เริ่มเปิดโหมด โดยจะเริ่มจากวงแคบก่อน แล้วค่อยๆ ขยายออกเป็นวงกว้าง เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ในบริเวณนั้นได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

ประโยชน์ : จะช่วยทำความสะอาดเฉพาะบริเวณที่สกปรกเป็นจุดๆ ไปเท่านั้น มันจะไม่วิ่งทั่วห้อง ให้เสียเวลา และ เปลืองแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับใครที่ทำเศษอาหาร เศษขนม เศษยางลบ เศษเล็บ ที่เพิ่งตัดเสร็จ

1.4 i-Cruise Mode (โหมดทำความสะอาดแบบซิกแซก)

ใน “โหมด i-Cruise” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “โหมดทำความสะอาดแบบซิกแซก (Zigzag Cleaning Mode)” ตัวนี้ตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ก็จะประมวลผลการทำงานในลักษณะให้เครื่องวิ่งทำงานกลับไปกลับมา แบบซิกแซก (Zigzag) เป็นเส้นตรง จากด้านนึงไปอีกด้านนึง ซ้ายทีขวาที เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ในห้องของเรา แบบทุกตารางนิ้ว

ประโยชน์ : วิ่งครบทั่วทั้งบริเวณห้อง ความสะอาดไม่ต้องพูดถึง “สะอาดแน่นอน” แต่อาจเปลืองเวลาการทำงานไปสักนิด

โหมดทำความสะอาดเสริม

และนอกจาก 4 โหมดหลักๆ ที่กล่าวมาด้านบน นี้แล้ว มันก็ยังมีโหมดทำความสะอาดเสริม ให้เลือกใช้งานกันอีก 3 โหมด เพื่อช่วยให้การทำงานนั้นหลากหลาย มากยิ่งขึ้นไปอีก ช่วยอำนวยความสะดวกให้การใช้งานประจำวัน เป็นไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

1.5 Time Schedule Mode (โหมดตั้งเวลาการทำความสะอาดอัตโนมัติ)

โหมดตั้งเวลาการทำงานอัตโนมัติ หรือ ที่เราสามารถกำหนดวันและเวลา ให้เครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของเราทำความสะอาดบ้านเองแบบอัตโนมัติ โดยเราสามารถเลือกวันได้เลยว่าต้องการให้ทำความสะอาดวันไหน ตั้งแต่วันจันทร์-วันอาทิตย์ พร้อมกับระบุช่วงเวลาในการทำงานได้อย่างชัดเจน เป็นโหมดที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ก็ตั้งเวลาเอาไว้เพื่อให้เครื่องทำงานเอง พอกลับบ้านมาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็ทำงานให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

1.6 Mute Cleaning Mode (โหมดทำความสะอาดแบบเสียงเบา)

สำหรับโหมดทำความสะอาดแบบเสียงเบานี้ เมื่อกดแล้วเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะปรับระดับการหมุนรอบของ มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่นแบบ BLDC ให้ช้าลง เพื่อเป็นการลดระดับเสียงให้การทำงานของเครื่องนั้นเบาลงนั่นเอง

ซึ่งระดับเสียงเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ระหว่างโหมดทำงานแบบปกติ กับ โหมดเสียงเบา โดยใช้แอพพลิเคชั่นวัดระดับเสียงบนมือถือ (App Sound Meter) ระดับเสียงที่ได้ในโหมดปกติของเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 60 dB แต่เมื่อกดโหมดเสียงเบาแล้ว เสียงจะเบาลงมาเหลือที่ประมาณ 55 dB ถือได้ว่าลดความดังในการทำงานของตัวเครื่องลงมาได้มากพอสมควรเลยทีเดียว เหมาะสำหรับใช้ในช่วงเวลากลางคืน (โหมดนี้สามารถกดใช้งานได้จาก ปุ่ม Mute บนรีโมทคอนโทรล)

1.7 โหมดเร่งความเร็วในการทำงานของตัวเครื่อง (Speed Adjustment)

ใน หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ตัวนี้ ยังมีระบบเร่งความเร็วในการทำงานของตัวเครื่องหุ่นยนต์ได้ โดยหลักการทำงานของระบบนี้ จะเป็นการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ เพื่อทำความสะอาดทั่วบริเวณรอบๆ ห้องได้เร็วขึ้น แต่ก็มีผลทำให้ ความละเอียด และ ความสะอาด ในการดูดฝุ่นนั้นลดลงไปด้วยเช่นกันตามลำดับ จึงเหมาะที่ใช้ในช่วงเวลาที่รีบๆ หรือ ต้องการความเร่งด่วนในการดูดฝุ่นทั่วห้องแบบคร่าวๆ โดยระบบนี้ สามารถกดใช้งานได้ที่ “ปุ่ม Speed” บนรีโมทคอนโทรล

2. UV Lamp (หลอดไฟฉายแสง UV เพื่อ ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย)

นอกจากนี้แล้ว หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ก็ยังมีความสามารถในการ ฆ่าเชื้อโรค และ แบคทีเรียต่างๆ ที่อยู่บนพื้น ด้วยหลอดไฟที่ปล่อยแสงอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า แสงยูวี (UV) นั่นเอง ซึ่งตำแหน่งของหลอดไฟฉายแสงยูวี (UV Lamp) นั้นจะอยู่ใต้ท้องเครื่อง ถัดลงมาเล็กน้อยจากตัวล้อรับน้ำหนักด้านหน้า (Universal Wheel) ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรค และ แบคทีเรีย ที่อยู่บนพื้น ได้มากถึง 99.99% เลยทีเดียว (ทางผู้ผลิตเขาว่าอย่างนั้น)

โดยในขณะที่เปิดใช้ หลอดไฟฉายแสง UV นี้ บนเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะแสดงไอคอนที่เป็นรูปใบไม้ให้ผู้ใช้งานทราบว่า หลอดไฟฉายแสง UV กำลังเปิดทำงานอยู่ ซึ่งก็สามารถกดสั่งปิดไฟ ได้เช่นกัน ตามความต้องการของผู้ใช้งาน

3. Virtual Wall (กำแพงจำลอง จำกัดพื้นที่การทำความสะอาด)

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่นนี้ยังมี ระบบที่รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ สร้างกำแพงจำลอง (บางที่เรียก กำแพงเสมือน) หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Virtual Wall” โดยคุณสามารถนำเอากำแพงจำลอง ไปวางเอาไว้หน้าบริเวณที่ไม่ต้องการให้มันเข้าไปทำความสะอาดด้านในได้ อาทิ ห้องที่มีของข้าวของวางอยู่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นมากมาย หรือ ถาดใส่อาหารเม็ดหมาแมวที่ วางอยู่บนพื้นมากมาย แล้วกลัวเครื่องมันจะไปสะกิดจนหกเลอะเทอะ ถ้าไม่ต้องการให้มันเข้าห้องนี้ และ ห้องนี้ก็ดันไม่มีประตู ก็สามารถวาง กำแพงจำลองไว้ด้านหน้าห้องได้เลย

โดยหลักการ การทำงานของ กำแพงจำลอง คือมันจะปล่อยแสงอินฟราเรด ออกมาเป็นแนวเส้นตรง (ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าเห็น) จากตัวมันเอง ไปกระทบยังกำแพงปากประตูอีกฝั่ง และตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น จะเข้าใจว่าเป็นผนังหรือกำแพงที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้จริงๆ ทำให้เราสามารถจำกัดบริเวณพื้นที่การทำงานของเครื่องหุ่นยนต์ได้อย่างชัดเจน รวมถึงการนำไปใช้ปิดกั้นพื้นที่บางส่วน หรือห้องบางห้อง ที่ไม่ต้องการให้หุ่นยนต์เข้าไปได้อีกด้วย

4. Suspension Wheel (สามารถวิ่งผ่านพื้นที่ต่างรับได้สูงสุด 1.5 เซนติเมตร)

ระบบ ล้อขับเคลื่อนหลัก (Driving Wheels) ของตัวนี้ จะเป็นแบบอิสระ มอเตอร์แยกกันขับเคลื่อน 2 ล้อ เหมือนหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วๆ ไป พร้อมกับสปริง ทำหน้าที่เหมือนโช๊คอัพ ที่ให้เครื่องสามารถวิ่งผ่านพื้นที่ต่างระดับ อย่าง ธรณีประตู (Doorsill) หรือ พื้นที่ระหว่างพื้นกระเบื้องกับพื้นพรม ได้สูงสุด 1.5 เซนติเมตร ซึ่งถือว่า อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ทั่วๆ ไป ไม่สูง และ ไม่เตี้ย จนเกินไป

5. Dual Main Brush (ระบบดูดฝุ่นแบบ แปรงกวาดหลักคู่)

ถือว่า น้อยรุ่นนัก ที่จะเห็น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ติดเอาแปรงกวาดหลัก มาให้แบบคู่เลย เพราะส่วนมากก็จะเป็นแปรงเดี่ยว อาจจะมีขนาดใหญ่เล็ก แตกต่างกันออกไป แต่ว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ให้มา 2 แปรงกันเลยทีเดียว

โดยแปรงกวาดหลักคู่ ที่กล่าวมานี้ จะมีแปรงเกลียวแบบขน ที่เป็นแปรงหลัก (Main Brush) ให้มา 1 แปรง แปรงนี้จะคอยตีฝุ่นละอองขนาดใหญ่ และ พวกเส้นผม ให้เข้าไปเก็บในกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง ที่รอต้อนรับอยู่ด้านในตัวเครื่อง และ แถมท้ายมาติดๆ กันด้านหลังคือ แปรงปัดฝุ่น (Dusting Brush) ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับที่ล้างขวดแก้ว จะคอยเก็บรายละเอียด เศษเล็กเศษน้อยของฝุ่นละอองขนาดเล็กๆ ให้เข้าไปอยู่ใน กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง เช่นเดียวกัน

6. HEPA Filter (แผ่นกรองอากาศ HEPA กรองฝุ่นละออง ได้ละเอียด)

มีแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง หรือ ที่เรียกว่า แผ่นกรองอากาศ HEPA ถูกติดตั้งอยู่ที่ด้านในของ กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง ที่ติดอยู่ที่ท้ายเครื่อง เพื่อกรองเศษฝุ่นละออง ที่มีขนาดเล็กๆ ไม่ให้หลุดลอดออกมาพร้อมกับอากาศ ที่ถูกดูดออกมาโดย มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่น

โดยแผ่นกรองอากาศ HEPA นี้ ทางผู้ผลิตเขาว่ามีความสามารถในการกรองฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กสูงสุดถึง 0.1 ไมครอน (μ) ซึ่งก็ถือว่าเล็กมากๆ ให้อากาศที่ถูกปล่อยออกมานั้นบริสุทธิ์จริงๆ

7. BLDC Hybrid Motor (มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่น 9,000 รอบ/นาที แต่เสียงเงียบ)

มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่นแบบ BLDC หรือที่ย่อมาจาก คำว่า “Brushless DC Mortor (มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบบไร้แปรงถ่าน)” ซึ่งใน สามารถหมุนใบพัด ของพัดลมได้สูงถึง 9,000 รอบ/นาที (RPM) จัดว่าแรงมากๆ แต่ว่าเสียงก็เงียบมากๆ เช่นกัน ประมาณ 40 เดซิเบล เท่านั้น ทำให้ไม่ส่งเสียงหนวกหูรบกวน ขณะที่เครื่องกำลังทำงาน

สำรวจรอบๆ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

หลังจากที่ได้ยลความสามารถของมันจากด้านบน มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราลองมาดูส่วนประกอบรอบๆ ตัวของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid กันดูบ้างว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง

ด้านบนของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

1. IR Receiver (ตัวรับสัญญาณอินฟาเรด) : มีหน้าที่สื่อสาร และ รับสัญญาณคำสั่ง ที่ผู้ใช้งานได้กดส่งคำสั่งมาจากรีโมคอนโทรล เข้ามายังตัวเครื่อง เพื่อประมวลผล และ ปฏิบัติตาม ในลำดับต่อไป
2. LED Touch Screen Display (หน้าจอแสดงผล แบบทัชสกรีน) : หน้าจอหลักที่อยู่บนตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น สามารถกดเพื่อควบคุมและตั้งค่าการใช้งานของตัวเครื่องได้ รวมถึงการแสดงข้อมูลของ วัน/เวลา สถานะแบตเตอรี่ ปัจจุบันที่คงเหลืออยู่ รวมไปถึง โหมดการใช้งานต่างๆ ของเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้อย่างละเอียดและชัดเจน
3. Dustbin Release Button (ปุ่มกดเปิดกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง) : หรือ ปุ่มปลดล็อคเพื่อถอดอุปกรณ์ถังเก็บฝุ่น มันเป็นปุ่มที่เอาไว้ กดเพื่อให้ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นปลดล็อคกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง และ กระเด้งออกมา ในกรณีที่ต้องการจะถอดเอา กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง ออกไปเทฝุ่น หรือ สิ่งสกปรกในกล่องทิ้ง พร้อมกับล้างทำความสะอาด ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แถมยังเก็บใส่กลับที่เดิมง่ายดายอีกด้วย

ด้านหน้าเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

มีกันชนหน้า (Front Bumper) ที่ช่วยรองรับการกระแทกในเวลาที่ชนกับสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ด้านในมีระบบสปริงที่ช่วยลดความแรงในการกระแทก พร้อมกับมีแถบยางซิลีโคนที่ติดบริเวณขอบของกันชนอีกหนึ่งชั้น เพื่อลดการสั่นสะเทือนและลดลอยขีดข่วนของกันชนได้ นอกจากนี้ภายใต้กันชนยังมีตัวเซ็นเซอร์เพื่อหลบหลีกโอกาสในการปะทะกับสิ่งกีดขวางได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ด้านข้างตัวเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

นอกจากนี้แล้ว ที่บริเวณด้านข้างฝั่งขวามือ ของตัวเครื่อง ก็ยังมี ปุ่มสวิตซ์เปิดปิดเครื่องหลัก (Main Power Switch) (หรือเรียกว่า “ปุ่ม Power“) เพื่อเอาไว้ในการเปิดและปิดการจ่ายไฟระหว่างตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น กับ แบตเตอรี่

ด้านล่างยังมี ช่องเสียบไฟตรงกับอะแดปเตอร์ (DC Power Jack) ให้คุณได้สามารถชาร์จไฟ จากอะแดปเตอร์ (ไฟบ้าน) เข้าไปยังตัวเครื่องโดยตรง (โดยไม่ต้องผ่านแท่นชาร์จ) ใช้สำหรับในกรณีที่ แท่นชาร์จเสีย หรือ ยกตัวเครื่องไปใช้ที่อื่น แต่ลืมเอาแท่นชาร์จมาด้วยนั่นเอง

ด้านหลังเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

ด้านหลังเครื่อง เราจะสามารถ สังเกตเห็นเป็นช่องซี่ๆ พร้อมสัญลักษณ์รูปพัลม แน่นอน มันคือ พัดลมดูดฝุ่น (Vacuum Fan) ที่สามารถถอดออกมาได้ ด้วยการบีบตรงสลักฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ที่อยู่ข้างๆ รูปสัญลักษณ์ของพัดลมนั่นเอง แล้วดึงออกมาได้เลย

และเมื่อดึงพัดลมดูดฝุ่นออกมาแล้ว ก็จะพบกับกล่องของพัดลมดูดฝุ่นเป็นพลาสติก ที่ภายในจะมีมอเตอร์ใบพัดประกอบอยู่ด้วย เป็น มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบบไร้แปรงถ่าน (BLDC Motor) ที่ได้เกริ่นไว้ในช่วงต้นของบทความนั่นเอง ซึ่งใบพัดของ มอเตอร์พัดลมดูดฝุ่น ลมที่ทำงานร่วมกับระบบมอเตอร์แบบ BLDC Motor นั้น ทำจากใบพัดอลูมิเนียม ที่มีน้ำหนักเบา มีความทนทานกับรอบการหมุนของมอเตอร์ที่ความเร็วสูงสุดได้ถึง 9,000 รอบต่อนาที ไม่สึกหรอง่าย อีกทั้งยังมีระดับเสียงของการทำงานที่เบากว่ามอเตอร์แบบแปรงถ่าน อีกด้วย

ด้านใต้ของตัวเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

หลังจากที่ได้ชมด้านบนและด้านข้างของตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นกันไปแล้ว คราวนี้ลองมาชมระบบการทำงาน และอุปกรณ์ในส่วนต่างๆ ที่อยู่ด้านใต้ตัวเครื่องกันดูบ้าง ซึ่งภายใต้ตัวเครื่องนั้นจะประกอบไปด้วย

1. Universal Wheel (ล้อรับน้ำหนักด้านหน้า) : เป็น ล้อพลาสติกขนาดเล็ก สามารถหมุนได้รอบตัว 360 องศา ใช้ในการ รับน้ำหนักเครื่องด้านหน้า แต่ไม่มีส่วนใดๆ ในการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
2. Charging Contact (จุดสัมผัสแท่นชาร์จ หรือ ขั้วสำหรับชาร์จพลังงาน) : ใช้สำหรับถ่ายพลังงานไฟฟ้า จากแท่นชาร์จ เข้ามาในแบตเตอรี่ ของตัวเครื่องนี้
3. UV Lamp (หลอดไฟฉายแสง UV) : หลอดไฟสีออกม่วงๆ หรือ หลอดฉายแสง UV ที่อยู่ด้านหลังติดกับ ล้อรับน้ำหนักด้านหน้า ที่สามารถเปิดหรือปิดไฟ ขณะที่เครื่องกำลังทำงานได้ ไม่ได้มีไว้เปิดเพื่อความสวยงามแบบรถแต่ง รถซิ่ง ที่เห็นตามบ้านเรา แต่หลอดไฟฉายแสง UV นี้มันมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรีย ต่างๆ ที่อยู่บนพื้น อีกด้วย
4. Side Brush (แปรงกวาดข้าง) : แปรงกวาดข้าง ทั้ง 2 แปรง (ฝั่งซ้าย และ ฝั่งขวา) ที่จะเข้ามาช่วยกวาดฝุ่นที่อยู่ตามขอบ ซอก มุม เฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ให้เข้ามาอยู่ในรัศมีทำการของ ชุดแปรงกวาดหลัก เพื่อให้ดูดเข้าไปเก็บไว้ใน กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง เป็นลำดับต่อไป
5. Battery Cover (ฝาปิดแบตเตอรี่) : ฝาพลาสติกที่ใช้ปิดครอบแบตเตอรี่ แบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) ขนาด ความจุ 2,200 มิลลิแอมป์ (mAh) ที่อยู่ด้านใน การเปิดฝาก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน๊อต 2 ตัวที่อยู่ด้านในออกมา

   

6. Cliff Sensor (เซ็นเซอร์ป้องกันการตกจากที่สูง) : เซ็นเซอร์ที่ป้องกันการวิ่งตกบันได ถือเป็นความสามารถพื้นฐานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จะ “ต้องมี” ไม่ว่าจะราคาถูกหรือแพงก็ตาม โดยตัวนี้เขามีมาให้ทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน ได้แก่ ด้านหน้าสุด (1) และ ด้านหน้าล้อขับเคลื่อนหลัก ทั้งฝั่งซ้าย (2) และ ขวา (3)
7. Driving Wheel (ล้อขับเคลื่อนหลัก) : ล้อขับเคลื่อนหลัก เป็นมอเตอร์แยกอิสระ 2 ล้อ มาพร้อมกับสปริง ทำหน้าที่เหมือนโช๊คอัพ ที่ให้ตัวได้พอสมควร คอยช่วยให้วิ่งผ่านพื้นที่ต่างระดับ และ ธรณีประตู (Doorsill) ได้ ในระดับ 1.5 เซนติเมตร ได้สบายๆ พร้อมกับดอกยาง ไว้ช่วยยึดเกาะกับสภาพพื้นทุกประเภท
8. Main Brush (แปรงหลัก) : แปรงหลัก มาในรูปแบบแปรงขนชนิดเกลียว มีคุณสมบัติช่วยตีฝุ่นได้ทุกชนิด ทุกประเภท รวมไปถึงเส้นผม ขน ต่างๆ ได้อย่างสะอาด
9. Dusting Brush (แปรงปัดฝุ่น) : แปรงขนาดเล็ก ที่จะคอยมาช่วยเก็บตกฝุ่นละอองที่อาจจะตกค้างมาจากการดูดของ แปรงหลัก ที่ดูดอยู่ด้านหน้า โดยหน้าที่ของ แปรงปัดฝุ่น คือใช้เพื่อดูดฝุ่นที่มีขนาดเล็กถึงเล็กมากๆ พูดง่ายๆ คือผู้ช่วยคอยเก็บตกเศษฝุ่นตกค้าง ของ แปรงหลัก อีกทีหนึ่งให้สะอาดแบบหมดจด จริงๆ นั่นเอง
10. Mop Plate Set (พื้นที่ติดตั้งสำหรับอุปกรณ์ถูพื้น) : เป็นพื้นที่ ที่อยู่ด้านใต้ของ กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง ท้ายเครื่อง เอาไว้ใช้ในการติด ถาดติดตั้งอุปกรณ์ถูพื้น ที่เป็นอุปกรณ์ตัวกลาง ที่คอยเชื่อมให้ยึดติด กันระหว่าง ผ้าม็อบถูพื้นไมโครไฟเบอร์ และ ตัวเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น นั่นเอง หากไม่ต้องการใช้ฟังก์ชั่นการถูพื้น ก็สามารถนำเอา ถาดติดตั้งอุปกรณ์ถูพื้น ออกจากเครื่องไปได้เช่นกัน

    

รู้จักกับ กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง และ แผ่นกรองอากาศ HEPA

นอกจากนี้แล้ว หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ตัวนี้ มีกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง (Dustbin) ขนาด 0.8 ลิตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุด ตั้งแต่เคยรีวิวมา โดยกล่องใส่ขยะฝุ่นละอองนี้ ซึ่งจะติดอยู่ด้านหลัง พร้อมกับมี พัดลมดูดฝุ่น (Vacuum Fan) ติดตั้งอยู่ด้านหลังของ กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง ด้วยเช่นกัน แถมยังสามารถดึงออกได้ง่ายๆ อีกด้วย เพียงแค่กดบีบสลักยึด ด้านหลังกล่อง ก็เอาออกมาได้ง่ายๆ เลย นอกจากนี้แล้ว ยังเอามาทำความสะอาดได้ง่ายๆ อีกด้วย

 

รู้จักกับ รีโมทคอนโทรล (Remote Control)

รีโมทคอนโทรล (Remote Control) อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญ เพราะมันสามารถใช้ควบคุม สั่งงานเครื่องได้หลากหลายสิ่งหลายอย่าง (Multi-Function Remote Control) ลองมาดูฟังก์ชั่นปุ่มกดทั้งหมด ที่มีอยู่บนรีโมทคอนโทรลกันต่อ ว่าจะใช้ช่วยอำนวยความสะดวกอะไรได้มากน้อยแค่ไหนบ้าง ซึ่งปุ่มบนรีโมทมีอยู่ทั้งหมด 10 ปุ่มด้วยกัน มาดูกันเลย

1. Power Button (ปุ่มเปิดปิดเครื่อง) : ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ของ เครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
2. Charge Button (ปุ่มสั่งเครื่องวิ่งกลับแท่นชาร์จ) : จะให้พูดง่ายๆ ปุ่มนี้จริงๆ แล้ว คือ “ปุ่มเรียกหุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลับบ้าน” นั่นเอง ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด เมื่อกดที่ปุ่มนี้ มันจะวิ่งกลับแท่นชาร์จทันที
3. Movement Control Button (ปุ่มควบคุมทิศทางเครื่องด้วยตัวเอง) : มีลักษณะเป็นวงกลม ตรงกลางมีคันโยกยื่นขึ้นมา มีลักษณะคล้ายๆ กับ จอยสติ๊ก (Joystick) ที่เอาไว้เล่นเกมส์ขับเครื่องบิน เพื่อเอาไว้ใช้ โยกควบคุมทิศทางเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเอง ให้ไปทางไหนก็ได้ จัดเป็น ปุ่มที่ใหญ่ที่สุดบนรีโมท สามารถกดให้เคลื่อนไปได้ทั้ง 4 ทิศทาง คือ
   1. ข้างหน้า
   2. ข้างหลัง
   3. ทางซ้าย
   4. ทางขวา
4. Auto Clean Button (ปุ่มเปิดโหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ) : เมื่อกดปุ่มนี้ เครื่องจะวิ่งทำความสะอาดทั่วห้อง (รวมถึงห้องเล็ก ห้องน้อย) ที่มันสามารถเข้าไปถึงได้ (ต้องเปิดประตู และ ไม่มีการกั้นด้วย กำแพงจำลอง) และสุดท้าย จะกลับมายังแท่นชาร์จโดยอัตโนมัติ
5. Spot Button (ปุ่มเปิดโหมดทำความสะอาดเฉพาะจุด) : วิ่งเคลื่อนที่ทำความสะอาด ในรูปแบบของ ก้นหอย (Spiral Movement Pattern) คือวนเป็นวงกลมออกจากจุดศูนย์กลาง และ แผ่ขยายรัศมีให้ออกไปกว้างขึ้นเรื่อยๆ
6. Edge Button (ปุ่มเปิดโหมดทำความสะอาดแบบเลาะขอบ) : เครื่องจะวิ่งเลาะขอบผนังห้อง ขอบเฟอร์นิเจอร์ ขอบกำแพง ฯลฯ โดยจะไม่ทำความสะอาดตรงกลางห้อง
7. Mute Button (ปุ่มเปิดโหมดทำความสะอาดเสียงเบา) : หากกดเปิดโหมดนี้ พัดลมดูดอากาศ จะทำงานเบาลง ส่งผลให้เสียงเครื่องขณะทำงาน เบาลง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้อื่นขณะกำลังพักผ่อน
8. Speed Button (ปุ่มเร่งความเร็วการทำงานของเครื่อง) : ปุ่มที่ใช้เปิด/ปิด ระบบเร่งความเร็วในการเคลื่อนของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
9. UV Button (ปุ่มเปิดหลอดไฟฉายแสง UV) : ปุ่มที่ใช้ในการเปิดปิด หลอดไฟฉายแสง UV ที่จะเป็น สีออกม่วงๆ เพื่อใช้ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ บนพื้นห้อง หากไม่ต้องการใช้ ก็สามารถกดที่ปุ่มเดิม เพื่อปิดหลอดไฟฉายแสง UV ก็ได้เช่นกัน
10. Zigzag Button (ปุ่มเปิดโหมดทำความสะอาดแบบซิกแซก) : เปิดโหมด เพื่อให้ตัวเครื่องวิ่งเป็นเส้นตรง จากมุมห้องด้านหนึ่ง แล้วกลับไปยังอีกด้านหนึ่ง แบบนี้สลับกันไปเรื่อยๆ จนเสร็จ

เปิดใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

มาถึงช่วงของการเริ่มต้นใช้งานเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid กันดู ว่ามีวิธีการใช้งานที่ง่ายอย่างไร

1. ติดตั้งแท่นชาร์จ (Charging Base Installation)

ขั้นแรกก่อนที่จะเริ่มใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เราจะต้องทำการติดตั้งแท่นชาร์จให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งการใช้งานของตัวแท่นชาร์จนั้น จะทำงานร่วมกับตัวอะแดปเตอร์ ดังนั้นเราจะต้องทำการเสียบสายอะแดปเตอร์เข้าไปที่ด้านหลังของแท่นชาร์จก่อน ด้วยการเปิดฝาครอบที่ปิดอยู่ออกมาก่อน แล้วจึงเสียบสายชาร์จพร้อมกับเก็บสายไฟส่วนเกิน เข้าไปในช่อง ให้เรียบร้อยเสียก่อน ก่อนที่จะปิดฝาครอบ นอกจากนี้ยังพบว่า มันมีจะรูช่องเล็กๆ ให้สายไฟออกทั้ง 2 ฝั่ง ซ้ายและขวา แล้วแต่ทิศทางของอะแดปเตอร์เรานั่นเอง

โดยตำแหน่งการวางแท่นชาร์จที่เหมาะสมนั้น ควรจะวางไว้ชิดริมผนังข้างในข้างหนึ่ง ในบริเวณของห้องที่ค่อนข้างโล่งหน่อย ไม่มีสิ่งกีดขวาง โดยเฉพาะในระยะรัศมี บริเวณ 2 x 1 เมตร (ระยะด้านหน้า 2 เมตร และ ด้านข้าง 1 เมตร) เพื่อช่วยให้ตัวสร้างสัญญาณอินฟราเรดใน แท่นชาร์จ นั้นสามารถที่จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อที่จะให้ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น กลับมายังแท่นชาร์จได้เองอย่างแม่นยำ ไม่ไปติดค้าง หรือ แบตเตอรี่หมดที่ไหน และ เมื่อติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มทำการเสียบปลั๊กของแท่นชาร์จได้เลย

2. เปิดเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Power On/Off Robotic System)

สำหรับการเปิดใช้งานของตัวเครื่องตัวนี้ ด้านข้างนั้น จะมี “ปุ่ม Power” ที่เป็นสวิตซ์สำหรับเปิด / ปิดการใช้งานของตัวเครื่องหุ่นยนต์ โดย “ปุ่ม Power” นี้ จะอยู่ที่ด้านข้างขวามือของตัวเครื่อง และ เมื่อกดสวิตซ์เป็น “ปุ่ม Power On” ก็สามารถเริ่มทำงานได้ทันที โดยควบคุม ผ่านทางหน้าจอแสดงผลบนตัวเครื่องหุ่นยนต์ หรือ จะควบคุมสั่งงานเครื่องผ่าน รีโมทคอนโทรล ก็ได้เช่นกัน ตามที่ถนัด (แต่รีโมทคอนโทรล จะสั่งงานควบคุมอะไรได้มากกว่า)

3. การชาร์จพลังงานแบตเตอรี่ของหุ่นยนต์ (Charging System)

การชาร์จไฟ ของ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ตัวนี้นั้น จะสามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จไฟแบบต่อตรง ระหว่างหุ่นยนต์ดูดฝุ่น กับ ปลั๊กเสียบอะแดปเตอร์ และอีกรูปแบบคือ การชาร์จไฟผ่าน แท่นชาร์จ นั่นเอง ซึ่งในการชาร์จด้วยแท่นชาร์จจะมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ

1. กดไอคอนรูปกลับฐานชาร์จ ที่ตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
2. กดที่ “ปุ่ม Charge” จาก รีโมทคอนโทรล
3. หุ่นยนต์วิ่งกลับมาที่แท่นชาร์จเองโดยอัตโนมัติ เมื่อพลังงานแบตเตอรี่ใกล้จะหมด

ในขณะที่หุ่นยนต์กำลังชาร์จพลังงานอยู่ ให้ทำการเปิดระบบการทำงานของเครื่องหุ่นยนต์เอาไว้ (สวิตซ์ Power On) บนหน้าจอแสดงผลของตัวเครื่องจะโชว์นาฬิกา และแถบสถานะของแบตเตอรี่โดยที่กระพริบอยู่จนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม (เมื่อแบตเตอรี่เต็ม แถบสถานะของแบตเตอรี่จะขึ้นค้างอยู่ที่ 3 ขีด)

4. การใช้งานผ่านหน้าจอแสดงผลบนตัวเครื่องหุ่นยนต์ (LED Touch Screen Display)

และเมื่อกด “ปุ่ม Power On” เพื่อเปิดใช้งานแล้ว หน้าจอแสดงผลระบบทัชสกรีนของตัวเครื่องของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็จะปรากฏขึ้นมา พร้อมกับแสดงข้อมูลต่างๆ อย่าง วันที่และเวลา สถานะแบตเตอรี่ โหมดทำความสะอาด และ สถานะการใช้งานของ หลอดไฟฉายแสง UV (ไอคอนรูปใบไม้) นอกจากจะมีการแสดงผลของข้อมูลต่างๆ เหล่านี้แล้ว ยังมีปุ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่เราสามารถกดได้อยู่ 3 ปุ่มหลักๆ ด้วยกันคือ

1. ปุ่มเริ่มต้นการใช้งาน (ไอคอนรูป ไม้กวาด) : เมื่อกดแล้วหุ่นยนต์จะเริ่มทำงานทันที โดยการทำความสะอาดนั้นจะอยู่ในรูปแบบของโหมดอัตโนมัติ (Auto Cleaning Mode)
2. ปุ่มตั้งเวลาเครื่อง (ไอคอนรูป นาฬิกา) : ในฟังก์ชั่นนี้ เราสามารถกดตั้งวันและเวลาปัจจุบัน ของตัวเครื่องหุ่นยนต์ รวมถึงการกำหนดวันและเวลาที่ต้องการให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานเองแบบอัตโนมัติได้
3. ปุ่มสั่งให้กลับฐานชาร์จ (ไอคอนรูป ตัวเครื่องมีลูกศรชี้ไปยังแท่นชาร์จ) : เป็นปุ่มที่ใช้สั่งหุ่นยนต์ ให้กลับไปชาร์จพลังงานแบตเตอรี่ และ จอดที่แท่นชาร์จ

5. การใช้อุปกรณ์สำหรับถูพื้น (Mop Plate Usage)

สำหรับรุ่นนี้จะไม่มีอุปกรณ์ถังน้ำสำหรับถูพื้นแบบเปียก ฉะนั้นแล้ว วิธีใช้งานคือให้นำ ผ้าม็อบถูพื้นไมโครไฟเบอร์ ไปชุบน้ำหมาดๆ แล้วติดเข้ากับถาดติดตั้งอุปกรณ์ถูพื้น (Mop Plate) ได้โดยตรงเลย และเมื่อติดเข้ากับถาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำไปประกอบเข้าที่บริเวณใต้ถังเก็บฝุ่น จากนั้นก็เริ่มกดปุ่มทำความสะอาดได้ทันที

คำถามที่คุณต้องอยากรู้ เกี่ยวกับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ?

หลังจากที่ใช้งานมาได้สักระยะ ผมก็ลองตั้งคำถามกับตัวเองดู ซึ่งส่วนมากก็เป็นคำถามที่เหมือนๆ กับ การทดลองใช้งานกับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ตัวอื่นๆ ว่ามันจะดูดสะอาด วิ่งทั่วห้อง มั้ยอะไรทำนองนี้ ลองมาดูกันเลยครับ ว่ามีอะไรกันบ้าง

1. ดูดได้ทั่วทุกบริเวณห้อง ห้องเล็ก ห้องน้อย ได้หรือไม่ ?

มันมีโหมดการทำความสะอาดหลัก ให้เลือกใช้งานมากถึง 4 รูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น i-Auto i-Along Wall i-Spot และ i-Cruise (ตามที่ได้กล่าวมาด้านบน) ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน และทิศทางการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ให้เข้ากับสภาพของห้องที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสมอัตโนมัติ

อีกทั้งมันยังสามารถควบคุมกำหนดทิศทางได้เอง ผ่านทางรีโมทคอนโทรล ทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ สามารถทำความสะอาดทุกบริเวณห้องได้อย่างทั่วถึง และ กลับมายังแท่นชาร์จได้เองโดยอัตโนมัติเช่นกัน

2. การฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV ทำงานยังไง แล้วฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม ?

หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจถึงหลักการทำงานของระบบแสง UV ว่ามันทำงานยังไง แล้วช่วยฆ่าเชื้อโรคได้จริงหรือไม่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ค่อนข้างยาก เพราะด้วยตาเปล่าของเราก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าแบคทีเรียและเชื้อโรคต่างๆ นั้นมันหายไปจริงไหม

แต่จากที่ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำความสะอาดสิ่งสกปรก และแบคทีเรียต่างๆ ด้วยแสง UV นั้น ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริง และมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น การฉายแสงฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่ในน้ำดื่ม รวมถึง เครื่องทำความสะอาดช้อนซ้อมในศูนย์อาหารบางแห่งก็ใช้ระบบการฉายแสง UV ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มีหลักการใช้งานที่คล้ายๆ กันกับที่เครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นใช้นั่นเอง โดยแสงรังสี UV ที่ใช้นั้นจะมีความยาวคลื่น อยู่ในระหว่างช่วง 200-300 นาโนเมตร (เป็นคลื่นรังสีชนิด UV-C) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการยับยั้งแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ จึงทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ว่าระบบแสง UV นี้ สามารถช่วยกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียบางชนิดบนพื้นห้องของเราได้จริง

3. สามารถวิ่งกลับแท่นชาร์จได้เองจริงๆ หรือไม่ ?

จากที่ได้ทดลอง หุ่นยนต์รุ่นนี้มีความแม่นยำสูงในการจดจำและหาตำแหน่งของแท่นชาร์จได้อย่างรวดเร็วและน่าประทับใจมาก (ไม่วิ่งมั่ว) สามารถวิ่งกลับไปที่แท่นชาร์จได้เองทุกครั้งแบบไม่ต้องลุ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องติดตั้งตัวแท่นชาร์จให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย (บริเวณที่โล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวางรอบๆ แท่นชาร์จ ในระยะด้านหน้า 2 เมตร และด้านข้างซ้าย-ขวา ในระยะ 1 เมตร โดยประมาณ)

4. สามารถวิ่งผ่านสิ่งกีดขวาง ได้สูงสุดประมาณไหน ?

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่นนี้มีลักษณะของล้อขับเคลื่อนแบบล้อหนาม กันลื่น และมีขนาดวงล้อที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้สามารถวิ่งไต่ข้ามสิ่งกีดขวางได้ดีพอสมควร โดยความสูงที่หุ่นยนต์ตัวนี้ไต่ข้ามได้จะอยู่ที่ประมาณ 15 มิลลิเมตร หรือ ราวๆ 1.5 เซนติเมตร อย่างเช่น ถ้าเจอกับผืนพรม หรือ พื้นต่างระดับที่ไม่สูงมาก หุ่นยนต์ก็สามารถไต่ข้ามผ่านไปได้แบบไม่มีปัญหาใดๆ

5. ขณะเครื่อง iBOT i800 Hybrid ทำงานอยู่ เสียงดังหรือไม่ ?

ขณะที่เครื่องหุ่นยนต์กำลังทำความสะอาดอยู่ ได้ลองใช้แอพพลิเคชั่นวัดระดับเสียง (App Sound Meter) โดยวัดห่างจากตัวเครื่องหุ่นยนต์ในระยะประมาณ 1 เมตร โดยระดับเสียงที่วัดได้ ในโหมดทำงานแบบปกติเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 60 dB (เดซิเบล) แต่ถ้าเปิดโหมด Mute (โหมดเสียงเบา) ระดับความดังเสียงเฉลี่ยจะลดลงเหลือประมาณ 55 dB ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างเบากว่าของเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วๆ ไป ซึ่งระดับความดังของเสียงที่อยู่ในช่วง 50-60 dB นั้นจะอยู่ในระดับเทียบเท่ากับ เสียงคนพูดคุยกันแบบปกติ (Conversation) ในระยะ 3 ฟุตนั่นเอง

6. ในแต่ละวัน สามารถดูดฝุ่นได้ในปริมาณเท่าไหร่ ?

สำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ มีขนาดถังเก็บฝุ่นที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ซึ่งความจุของถังเก็บฝุ่นจะอยู่ที่ 800 มิลลิลิตร หรือประมาณ 0.8 ลิตร สามารถกักเก็บฝุ่นได้มากเพียงพอต่อการใช้งานทั้งวัน หรือ 2-3 วันได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องถอดเอาถังไปเทฝุ่นและทำความสะอาดบ่อยๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับชั่วโมงการใช้งานในแต่ละวัน รวมถึงปริมาณฝุ่นภายในห้องด้วย เช่น ถ้าฝุ่นในห้องมีไม่มากนัก และใช้ดูดฝุ่นประมาณไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ต่อวัน ก็อาจจะเก็บได้ถึง 3-4 วัน โดยที่ถังเก็บฝุ่นยังไม่เต็ม)

7. หุ่นยนต์ทำความสะอาด iBOT มีขายทั้งหมดกี่รุ่น ?

หุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้าน สำหรับดูดฝุ่น ถูพื้น ของ iBOT จะมีทั้งหมด 3 รุ่นหลักๆ ด้วยกัน

1. HYBRIDTC-600
2. HYBRID i-Series 800 (รุ่นที่รีวิว และเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดใน 3 รุ่น)
3. HYBRID i-Series 900

นอกจากนี้ ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ i-Roboticc (ผู้นำเข้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT) ยังมีหุ่นยนต์รุ่นอื่นๆ สำหรับทำความสะอาดกระจกและสระว่ายน้ำ ดังนี้

1. iCleaner-S200 Active Hybrid : หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ (Robot Swimming Pool Cleaner)
2. HOBOT-188 : หุ่นยนต์เช็ดกระจกระบบไฮบริดอัจฉริยะ (Glass Cleaning Robot )

8. ติดต่อสั่งซื้อ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid ได้ที่ไหน ?

คุณสามารถสั่งซื้อ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องนี้ได้ผ่านทางหลายช่องทาง เช่น

• Website (เว็บไซต์) : http://www.iroboticc.com
• Facebook Page (เพจเฟสบุ๊ค) : โรบอทไทยแลนด์ (RobotThailand) ตามกรอบด้านล่าง

9. มีอะไหล่รองรับไหม ค่าอะไหล่แพงหรือไม่ ?

จากที่ได้สำรวจรายการอุปกรณ์และอะไหล่จากทางเว็บไซต์ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ (www.iroboticc.com) แล้ว ภายในเว็บไซต์มีรายการอุปกรณ์และอะไหล่ต่างๆ ที่รองรับการใช้งาน และซ่อมแซมการชำรุดของตัวเครื่องที่ครบถ้วน โดยมีราคาค่าอุปกรณ์และอะไหล่ที่จัดได้ว่าค่อนข้างถูกเลยทีเดียว ยกอย่างเช่น อุปกรณ์อะแดปเตอร์ ราคาอยู่ที่ 350 บาท ส่วนตัวแปรงกวาดข้าง ขายอยู่ประมาณ คู่ละ 120 บาท

บทสรุปการใช้งาน หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid

มาถึงช่วงสุดท้าย ของการรีวิวแล้ว นั่นก็คือการสรุป ข้อดี ข้อเสีย ต่างๆ ของตัวเครื่องให้ทราบหลังการใช้งาน ว่าเป็นอย่างไร

ข้อดี 🙂

• สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ ไม่ว่าจะดูดฝุ่น และถูพื้น ในเวลาเดียวกัน
• มีรูปแบบของโหมดทำความสะอาดถึง 4 รูปแบบ สามารถเลือกใช้งานให้เหมาะกับสภาพของห้องแต่ละแบบได้ตามต้องการ
• หน้าจอแสดงผลแบบ LED บนตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น มีความสว่างและมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น
  • การตั้งค่าของวันและเวลา
  • ค่าของไอคอนสถานะของโหมดทำความสะอาด
  • สถานะพลังงานแบตเตอรี่
• สามารถวิ่งกลับแท่นชาร์จเพื่อชาร์จพลังงานแบตเตอรีได้เองอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
• หน้าจอแสดงผลบนตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เป็นระบบทัชสกรีน (Touch Screen) สามารถกดใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
• มีระดับเสียงการทำงานของตัวเครื่องที่ค่อนข้างเบา ด้วยเทคโนโลยีมอเตอร์แบบ BLDC ไม่รบกวน อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่น Mute เพื่อลดระดับของเสียงให้เบาลงไปอีกได้อีกด้วย
• ปุ่มควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ บนรีโมทคอนโทรล ในลักษณะของแกนโยก ที่โยกไปได้ 4 ทิศทาง ทำให้สามารถควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์ได้ง่ายและสะดวกดี
• มีหลอดไฟฉายแสง UV หรือ UV Lamp ที่เป็นเทคโนโลยีการฉายแสงรังสี UV-C เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อยู่บนพื้นห้อง
• มีโหมด Speed เพื่อเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ทำให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดทั่วบริเวณห้องได้เร็วขึ้น
• การออกแบบของขนแปรงกวาดข้าง มีลักษณะที่ยาวเป็นพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ (ยาว 3 นิ้ว หรือประมาณ 7.62 เซนติเมตร)
• มีโหมดการตั้งเวลาทำความสะอาดแบบอัตโนมัติ สามารถกำหนดวันและเวลาได้อย่างชัดเจน
• มีอุปกรณ์กำแพงเสมือนจริง เพื่อใช้กันบริเวณพื้นที่บางส่วนที่ไม่ต้องการให้หุ่นยนต์เข้าไปถึงได้
• มีระบบเทคโนโลยีของ Cliff Sensor ที่ช่วยป้องกันหุ่นยนต์ในการตกหล่นจากที่สูง
• บริเวณใต้อุปกรณ์ของ แท่นชาร์จ มีแถบยางซิลิโคน 2 แถบ เพื่อช่วยกันลื่น และทำให้ฐานสามารถยึดติดกับพื้นได้มั่นคงมากขึ้น ไม่เลื่อนง่ายๆ ในขณะเวลาที่หุ่นยนต์วิ่งกลับมาที่ตัวฐาน เพื่อชาร์จพลังงานแบตเตอรี่
• สามารถถอดพัดลมดูดฝุ่นออกมาได้เองง่ายๆ หากไม่ต้องการใช้งาน หรือ ต้องการส่งซ่อม

ข้อเสีย 🙁

• ตัวถังเก็บฝุ่นของเครื่องหุ่นยนต์ จะไม่มีฝาปิด ทำให้ต้องระมัดระวังพอสมควร เพื่อไม่ให้ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ หล่นร่วงออกมาจากถัง ในเวลาที่ต้องถอดตัวถังไปเทฝุ่นออก หรือ ล้างทำความสะอาด
• การติดตั้ง และ ถอดแปรงกวาดข้าง ค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะมีการใช้ตัวน็อตในรูปแบบของสกรูสี่แฉกขนาดเล็ก ยึดตัวแปรงทั้ง 2 ข้างเอาไว้ ทำให้ต้องใช้ไขขวงช่วยในการขันตัวน็อตสกรูทั้ง 2 ข้าง เพื่อที่จะติดตั้งหรือถอดแปรงกวาดข้าง (ซึ่งในกล่องผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีไขควงสำหรับไขมาให้ด้วย) แต่หากจะคิดข้อดีของมันก็คือ ติดแน่น ไม่หลุดง่ายๆ ขณะกำลังปฏิบัติงาน
• บนหน้าจอแสดงผล ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ไม่แสดงสถานะไอคอนการใช้งานในบางโหมด ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าขณะนี้หุ่นยนต์กำลังเปิดใช้งานโหมดไหนอยู่

เป็นอย่างไรบ้างครับ กับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น iBOT i800 Hybrid จากค่าย iBOT หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน ไม่มากก็น้อยนะครับ แล้วพบกันใหม่กับรีวิวฉบับหน้า สวัสดีครับ 🙂