เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier)
บทความนี้เป็นบทความที่นำเสนอวิธีการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) ว่า เครื่องฟอกอากาศในท้องตลาดนั้นมันมีลูกเล่น หรือฟังก์ชันอะไรบ้าง เพื่อจะได้เอาไว้เป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ไม่ใช่เป็นการนำเสนอสินค้าตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษ
โดยในปัจจุบันนี้ เครื่องฟอกอากาศ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีความสำคัญมากๆ ที่เกือบทุกครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือแม้แต่ตาม คอนโดมิเนียม หรือหอพัก ต่างๆ ก็จะต้องมีเอาไว้ครอบครอง ไม่แพ้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อย่าง เครื่องแอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ เป็นต้น เพราะสภาพอากาศทั่วโลกเดี๋ยวนี้ก็ดูเหมือนจะแย่ลงทุกวัน
➡ ยังมีเครื่องฟอกอากาศขายอีกเป็นจำนวนมาก !! ที่ตลาดซื้อขาย แลกเปลี่ยนความรู้ เครื่องฟอกอากาศ และ แผ่นกรองอากาศ บน Facebook (กดเลย) |
หัวข้อด้านล่างนี้ จะนำเสนอปัจจัยของการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ว่าควรจะสังเกตดูตรงจุดไหนอย่างไรอะไรบ้าง สามารถกดลิงค์ด้านล่าง เพื่อข้ามไปอ่านยังหัวข้อที่ต้องการ หรือสนใจได้เลย เพื่อความสะดวก และรวดเร็ว
- เครื่องฟอกอากาศคืออะไร ? (What is Air Purifier ?)
- ทำไมถึงต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ ? (Why Air Purifier is needed ?)
- ประเภทของยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศ (Type of Air Purifier Brands)
- ขนาดพื้นที่ห้อง (Room Size)
- รูปแบบของการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier Installation Types)
- รูปทรงของเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier Shapes)
- รู้จักกับ ชนิดของแผ่นกรองอากาศหลัก (Primary Air Filter Types)
- ฟังก์ชันเสริมที่เกี่ยวกับการฟอกอากาศ (Purifying Functions)
- ฟังก์ชันเสริมที่ไม่เกี่ยวกับการฟอกอากาศ (Nonpurifying Functions)
- ฟังก์ชันเสริมเพื่อความสะดวกสบายอื่นๆ (Additional Convenience Functions)
- ความน่าเชื่อถือของยี่ห้อสินค้า และผลิตภัณฑ์ (Brand and Product Reliability)
- การดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier Maintenance)
และนี่คือคลิปวีดีโอความยาวประมาณ 14 นาที สรุปเกือบทุกหัวข้อในบทความนี้เอาไว้ในรูปแบบของภาพ และเสียง เอาไว้ให้ดูกัน เพื่อที่จะทำความรู้จักกับ เครื่องฟอกอากาศ ให้ง่ายขึ้น แต่อาจจะไม่ได้มีข้อดี ข้อเสีย ของแผ่นกรอง หรือฟังก์ชันเสริมต่างๆ ของเครื่องฟอกอากาศ หากดูจบ ก็ขอให้กลับมาอ่านบทความนี้ เพื่อศึกษารายละเอียดต่อได้เลย
1. เครื่องฟอกอากาศคืออะไร ?
(What is Air Purifier ?)
เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) นั้นจัดว่าเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า ชนิดหนึ่ง ที่ใช้หลักการเดียวกับ พัดลมทั่วไป (Fan) ที่อาศัยชุดพัดลมดูดอากาศ ที่ประกอบไปด้วยใบพัด และมอเตอร์ ในการดูดอากาศเข้าไปภายในตัวเครื่อง และปล่อยออกมาด้านนอก เพียงแต่ว่า เครื่องฟอกอากาศ นั้นมีการนำเอาระบบการกรองอากาศ (Air Purification System) ต่างๆ เสริมเติมเข้าไปนั่นเอง
โดยเครื่องฟอกอากาศในแต่ละรุ่น และแต่ละยี่ห้อนั้น ก็จะมีเทคโนโลยีการกรองอากาศ หรือฟอกอากาศ ที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักๆ แล้วจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า แผ่นกรองอากาศ (แต่บางเครื่องก็ไม่มีแผ่นกรองอากาศ อย่างเช่น เครื่องฟอกอากาศประจุลบ เป็นต้น) ซึ่งก็จะมีหลายชั้น เพราะแผ่นกรองอากาศในแต่ละชั้นนั้น ก็จะมีหน้าที่ ที่จะต้องคอยดูดซับสิ่งต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ และถูกดูดเข้ามาภายในเครื่อง ที่แตกต่างกันออกไป อาทิ ละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ (PM 10) (10 ไมครอน – µ) ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ ฝุ่นจิ๋ว (PM 2.5) (ไมครอน) กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารเคมี เชื้อโรคต่างๆ อย่าง เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย แต่ส่วนมากจะกรองเชื้อไวรัสไม่ได้ เพราะมีขนาดเล็กมากๆ (ประมาณ 0.005 – 0.3 ไมครอน) เกินกว่าที่แผ่นกรองอากาศจะสามารถกรองได้
แต่ในปัจจุบันก็มี เครื่องฟอกอากาศ หลายๆ รุ่น และยี่ห้อ ที่มีความสามารถในการกรองเชื้อไวรัสได้ อย่างเช่น เครื่องฟอกอากาศ Atmosphere SKY หรือ Atmosphere MINI จากค่าย Amway ที่ทั้งคู่ สามารถกรองอนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศได้เล็กสูงสุดถึง 0.0024 ไมครอน ดังนั้นเมื่อดูดเข้ามาแล้ว จึงสามารถดักจับไวรัส ไม่ให้หลุดลอดกลับออกไปยังภายนอกได้อีกนั่นเอง
2. ทำไมถึงต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ ?
(Why Air Purifier is needed ?)
ในในปัจจุบันนี้มลภาวะทางอากาศก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมฆหมอกที่ปกคลุมทั่วเมืองกลับไม่ใช่หมอกยามเช้า เหมือนที่เรารู้จักกันดีในอดีต แต่กลับกลายเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ ที่เข้ามาปกคลุมแทน และที่สำคัญมันปกคลุมทั้งวันทั้งคืน ไม่ใช่แค่เฉพาะยามเช้าเท่านั้น
สำหรับฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ นี้มีชื่อเรียกยอดฮิตอีกชื่อคือ “ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5” นั่นเอง สำหรับสาเหตุที่เรียกมันว่า “PM 2.5” ก็เพราะว่า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของมันนั้นเล็กถึง 2.5 ไมครอน (หรือเทียบเท่า 0.0025 มิลลิเมตร หรือ 0.00025 เซนติเมตร) ซึ่งหากเปรียบเทียบกันง่ายๆ เลยก็คือ เส้นผมคนเรายังมีขนาดเพียงแค่ 50-100 ไมครอน แต่อันนี้ 2.5 ไมครอนจะเล็กขนาดไหน และยิ่งถ้าสูดหายใจเข้าไปมากๆ ก็จะส่งผลอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง เครื่องฟอกอากาศ ที่กรองฝุ่น PM 2.5 ได้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นกับเรามากๆ ถ้าพักอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ
โดยเครื่องฟอกอากาศส่วนมากแล้ว แผ่นกรองอากาศ HEPA จะมีคุณสมบัติ ในการกรองอากาศ เพื่อดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาคที่มีขนาดเล็กต่างๆ ได้ตั้งแต่ขนาด 0.3 ไมครอน ขึ้นไป ซึ่งก็หมายความว่ามันสามารถที่จะกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้อย่างสบายๆ
และยิ่งไปกว่านั้น ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องฟอกอากาศในบางยี่ห้อ ที่สามารถกรองฝุ่นละออง หรืออนุภาคขนาดเล็กต่างๆ ได้เล็กกว่ามาตรฐานของ แผ่นกรองอากาศ HEPA ทั่วๆ ไปเสียอีก ยกตัวอย่างเช่น
เครื่องฟอกอากาศ Bluair จากประเทศสวีเดน
เครื่องฟอกอากาศ Blueair จากประเทศสวีเดน ที่ได้ใช้ เทคโนโลยี HEPASilent™ ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างแผ่นกรองอากาศ กับการปล่อยประจุไฟฟ้าสถิต เพื่อให้ฝุ่นละออง หรืออนุภาคขนาดเล็กต่างๆ สามารถลอยเข้ามาติดกับแผ่นกรองอากาศได้ง่ายมากขึ้นไปอีก โดยมันสามารถฝุ่นละออง หรืออนุภาคขนาดเล็กต่างๆ ได้เล็กสูงสุดถึง 0.1 ไมครอน (เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ถึง 25 เท่า กันเลยทีเดียว)
เครื่องฟอกอากาศ Atmosphere จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ เครื่องฟอกอากาศ Atmosphere รุ่น SKY กับ MINI จาก Amway เอง ก็มีความสามารถในการกรองอนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศได้เล็กสูงสุดถึง 0.0024 ไมครอน ซึ่งจัดว่าเล็กกว่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 กว่า 1,000 เท่า เท่ากับว่า กรองได้ละเอียดกว่า แผ่นกรองอากาศ HEPA ทั่วๆ ไปถึงกว่า 125 เท่า (มาจาก 0.3 / 0.0024) กันเลยทีเดียว
3. ประเภทของยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศ
(Type of Air Purifier Brands)
ปัจจุบันนี้มีเครื่องฟอกอากาศที่จำหน่ายอยู่ในบ้านเราหลายยี่ห้อเหลือเกิน ซึ่งหลักๆ ก็จะขอจำแนกประเภทของยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศ ออกมาเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ แบรนด์แบบ OBM (Original Brand Manufacturer) และ OEM (Original Equipment Manufacturer) ลองมาดูความแตกต่างกันด้านล่างนี้ เลยดีกว่า
3.1 OBM – Original Brand Manufacturer (เจ้าของแบรนด์ผลิตสินค้าเอง)
แบบแรกคือผู้ผลิตเครื่องฟอกอากาศในรูปแบบ “OBM หรือ Original Brand Manufacturer” เป็นแบรนด์ เครื่องฟอกอากาศที่เจ้าของแบรนด์เขาคิดค้นเทคโนโลยีเอง ผลิตเอง ทำการตลาดเอง และขายเอง โดยส่วนมากแล้วก็จะเป็นแบรนด์ หรือยี่ห้อ ที่พวกเรารู้จักคุ้นหูคุ้นตาในตลาดกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว อย่างเช่น ยี่ห้อ Sharp/ Hitachi/ Toshiba/ Panasonic/ Honeywell/ Blueair/ Daikin ฯลฯ อีกมากมาย
ส่วนมากแล้ว แบรนด์เหล่านี้จะมีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตัวเอง หรืออาจจะเป็นโรงงานอื่นที่ผูกขาดการผลิตอยู่กับแบรนด์นี้อยู่ พูดง่ายๆ ก็คือ ผลิตให้เฉพาะ (Exclusive) แบรนด์นี้แบรนด์เดียวก็เป็นได้ครับ
3.2 OEM – Original Equipment Manufacturer (เจ้าของแบรนด์จ้างโรงงานอื่นผลิตสินค้าให้)
แบบที่ 2 คือเครื่องฟอกอากาศรูปแบบ “OEM (Original Equipment Manufacturer)” ซึ่งเครื่องฟอกอากาศประเภทนี้ ทางเจ้าของแบรนด์ ก็จะไปจ้างผลิตสินค้า กับโรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศที่เขาทำอยู่แล้วในต่างประเทศ
โดยส่วนมาก แล้วก็จะมีโรงงานในประเทศจีน หรือจากเกาหลีใต้ ที่รับทำสินค้าแบบ OEM กันเยอะ โดยเจ้าของแบรนด์ในเมืองไทย (หรือประเทศอื่นๆ) ก็จะนำเครื่องฟอกอากาศ มาตีแบรนด์สินค้า ที่เป็นชื่อที่ตัวเองคิดขึ้นมา ซึ่งเราก็อาจจะหาแบรนด์นี้ ได้เฉพาะในประเทศไทยที่นี่ที่เดียวเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อาจจะเห็นสินค้าแบบเดียวกันนี้ ที่มีรูปทรง และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ (ชนิดเหมือนกันเป๊ะ) ถูกจำหน่ายในประเทศอื่น แต่คนละยี่ห้อ หรือคนละสีกันก็เป็นได้ครับ
ยกตัวอย่างเช่น เครื่องฟอกอากาศที่ถูกผลิตขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ยี่ห้อหนึ่ง ในประเทศไทยนั้น ถูกขายภายใต้ชื่อว่า Airbot แต่ในขณะที่ต่างประเทศ อย่างเช่นที่ประเทศฮ่องกงก็จะใช้ชื่อว่า Luva PureAir Plus ซึ่งฟังก์ชันหรืออะไรอื่นๆ เหมือนกันเป๊ะเลย แต่คนละสีกัน เป็นต้น
4. ขนาดพื้นที่ห้อง (Room Size)
เรื่องนี้สำคัญมากๆ เพราะเราควรจะต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ห้องของเราด้วย โดยแต่ละตัวจะมีสเปคระบุชัดเจนอยู่แล้วว่า เครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้รองรับพื้นที่กี่ตารางเมตร ซึ่งแน่นอนเราต้องคำนวณพื้นที่ของห้องเราก่อนที่จะไปซื้อ เพราะถ้าห้องมีขนาดใหญ่ แต่เครื่องฟอกอากาศมีขนาดเล็ก ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะนำมาใช้ (เหมือนเสียเงินไปฟรีๆ)
ข้อแนะนำ
“ทางที่ดี เราควรจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ ที่รองรับพื้นที่ได้มากกว่าพื้นที่ห้องที่จะนำเครื่องฟอกอากาศไปวางจริงๆ ยกอย่างเช่นห้องเรามีขนาด 20 ตารางเมตร เราควรซื้อเครื่องฟอกอากาศที่รองรับพื้นที่ขนาด 25-30 ตารางเมตร เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพจากการฟอกอากาศจริงๆ”
5. รูปแบบของการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ
(Air Purifier Installation Types)
ส่วนนี้จะพูดถึงเครื่องฟอกอากาศ 4 ประเภท ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้อ่านได้ลองเปรียบเทียบความเหมาะสมกันก่อนจะเลือกซื้อมาใช้งาน
5.1. เครื่องฟอกอากาศตั้งโต๊ะ หรือ เครื่องฟอกอากาศตั้งพื้น
(Desktop Air Purifier or Tower Air Purifier)
เครื่องฟอกอากาศตั้งโต๊ะ หรือเครื่องฟอกอากาศตั้งพื้น เป็น เครื่องฟอกอากาศ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า นิยมมากที่สุดในบรรดาเครื่องฟอกอากาศ ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เครื่องฟอกอากาศประเภทนี้ เหมาะกับการใช้ในบ้านพัก คอนโดมิเนียม และออฟฟิศ หรือสำนักงานขนาดเล็ก ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็จะมีระบบการทำงาน ขนาด และ รูปทรงของตัวเครื่องฟอกอากาศ ที่แตกต่างกันออกไป
โดยเครื่องฟอกอากาศประเภทนี้นั้น จะมีลูกเล่น หรือความสามารถ ให้เลือกใช้มากกว่า เครื่องฟอกอากาศชนิดอื่นๆ เนื่องจากความนิยมสูง และลักษณะ รูปทรงของตัวเครื่อง ที่ไม่ใหญ่ และไม่เล็กจนเกินไป จึงสามารถใส่ ฟังก์ชันเสริมที่เกี่ยวกับการฟอกอากาศ และ ฟังก์ชันเสริมที่ไม่เกี่ยวกับการฟอกอากาศ เข้าไปได้มากมายกว่า เครื่องฟอกอากาศประเภทอื่นๆ
เครื่องฟอกอากาศจะสามารถทำงานได้ครอบคลุมก็ต่อเมื่อ เลือกขนาดของเครื่องให้เหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากนี้สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่อง เนื่องจากต้องวางไว้ในบ้านพัก หรือสำนักงาน
ดังนั้นการให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบก็เป็นเรื่องที่หลายครอบครัวคำนึงถึง เพราะเหมือนเป็นของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ไปแล้ว
5.2. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์
(Car Air Purifier)
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก ที่สามารถติดตั้งได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อการกรองฝุ่นละออง มลพิษ หรือสารเคมีต่างๆ ที่อยู่บนท้องถนน เพราะมลพิษบนท้องถนนเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะสภาพการจราจรที่ติดขัด อากาศในรถก็ไม่ได้ถ่ายเทมากนัก ทำให้เกิดปริมาณฝุ่นสะสม เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ จึงเป็นอุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่ควรมีในยุคนี้
ที่จริงในรถบางรุ่น จะมีไส้กรองอากาศอยู่ที่ช่องเดินลมของแอร์ ซึ่งคุณภาพก็แตกต่างกันไป ในบางรุ่นจะทำหน้าที่กรองฝุ่นแบบหยาบเท่านั้น ต่างจากเครื่องกรองฝุ่นในรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อดักจับฝุ่นขนาดเล็ก และเชื้อโรคโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังช่วยกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วย
การเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ เพื่อคุณภาพอากาศที่ดี ในอันดับแรกควรคำนึงถึงขนาดของรถยนต์ เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรเลือกแบบที่ติดตั้งง่าย วางได้หลายจุด เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในรถยนต์
เราควรเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ที่มีความสามารถของการเปิดการทำงานเอง เมื่อมีการสตาร์ทรถ เพื่อไม่ให้เสียสมาธิในการขับขี่ หรือป้องกันการลืมเปิดใช้งาน เพราะบางครั้งตัวเครื่องอาจไม่ได้อยู่ในระดับสายตานั่นเอง
5.3. เครื่องฟอกอากาศฝังฝ้าเพดาน
(Cassette Type Air Purifier)
เครื่องฟอกอากาศฝังฝ้าเพดาน ลักษณะจะเหมือนกับ แอร์ฝังฝ้าเพดาน เป็นเครื่องฟอกอากาศ ที่เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ นิยมใช้ในออฟฟิศหรือสำนักงานที่มีคนอยู่จำนวนมาก ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ก็แลกมาด้วยความสามารถที่เหนือกว่า เครื่องฟอกอากาศแบบตั้งโต๊ะ หรือตั้งพื้น เพราะการทำงานของเจ้าเครื่องนี้ก็คือ จะดูดอากาศเสียเข้าทางด้านล่าง 1 ทิศทาง และฟอกอากาศบริสุทธิ์ออกจากเครื่อง 4 ทิศทาง หรือ 360 องศา ทำให้ในห้องขนาดใหญ่มีคุณภาพอากาศที่ดี และกระจายอากาศสะอาดได้อย่างทั่วถึง ทั่วทุกมุมห้อง
เครื่องฟอกอากาศแบบติดเพดาน หรือ เครื่องฟอกอากาศแขวนใต้ฝ้าที่มีขายตามท้องตลาด ก็จะมีความสามารถหลักๆ คือ ดักจับและย่อยสลายฝุ่นขนาดเล็ก ส่วนมากจะช่วยกรองเชื้อรา แบคทีเรีย เชื้อไวรัส ลดกลิ่นอับภายในห้องได้อยู่แล้ว บางรุ่นเคลมว่า แผ่นกรองสามารถถอดล้างได้ ซึ่งจะต่างจากแบบตั้งโต๊ะตรงที่ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยๆ
5.4. เครื่องฟอกอากาศแบบสวมใส่
(Wearable Air Purifier)
เครื่องฟอกอากาศแบบสวมใส่ ส่วนใหญ่จะมี 2 ชนิดคือ เครื่องฟอกอากาศคล้องคอ (Neck Strap Air Purifier) และ เครื่องฟอกอากาศห้อยคอ (Neck Hanging Air Purifier) ก็ถือเป็น แกดเจ็ต (Gadget) น้องใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ โดยจะทำหน้าที่จัดการมลพิษในอากาศ ด้วยการปล่อยประจุลบ (Negative Ion หรือ Anion) ที่จะเข้ามาช่วยทำให้อนุภาค หรือฝุ่นขนาดเล็กมากๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศจับกันเป็นกลุ่มก้อน ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นในที่สุด เนื่องจากมีมวลมากขึ้นนั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละอองขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 หรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เพื่อปกป้องเราจากการหายใจรับสิ่งเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย ส่วนมากจะดีไซน์สวยงาม ใส่แล้วเหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
ข้อดีของเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ก็คือช่วยฟอกอากาศได้ทุกที่ ทุกเวลา ใส่ติดตัวได้ตลอดทั้งวัน เหมาะกับคนที่มีโรคภูมิแพ้ หรืออยู่ในบริเวณที่มีผู้คนแออัดเป็นประจำ การเลือกซื้อควรคำนึงถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ และการทำงานที่ไม่มีเสียงรบกวน รวมถึงน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับการสวมใส่ หากซื้อให้เด็กใช้งาน ควรเลือกรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเท่านั้น
6. รูปทรงของเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier Shapes)
รูปทรงของเครื่องฟอกอากาศ โดยหลักๆ จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ เครื่องฟอกอากาศทรงเหลี่ยม และ เครื่องฟอกอากาศทรงกระบอก (หรือทรงกลม)
6.1. เครื่องฟอกอากาศทรงเหลี่ยม
(Square Shape Air Purifier)
สำหรับเครื่องฟอกอากาศทรงเหลี่ยม ซึ่งก็อาจจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือแม้แต่ ทรงกึ่งเหลี่ยม ที่อาจจะมีบางส่วนโค้งเว้า หักมุม ต่างๆ ก็เพื่อความสวยงาม จัดว่าเป็นรูปทรงยอดฮิตของเครื่องฟอกอากาศเลยก็ว่าได้
โดยส่วนมากแล้วมากแล้ว เครื่องฟอกอากาศทรงเหลี่ยมนั้น อากาศจะไหลเข้าตัวเครื่องในทิศทางเดียว (หรืออย่างมากก็ 2 ทิศทาง) ซึ่งเท่าที่เห็นส่วนมากก็จะเป็นด้านหลัง หรือด้านใต้ของตัวเครื่อง ในขณะที่ช่องอากาศออกก็มักจะอยู่ ทางด้านข้าง หรือบน ของตัวเครื่อง
6.2. เครื่องฟอกอากาศทรงกระบอก หรือทรงกลม
(Cylinder or Round Shape Air Purifier)
ข้อได้เปรียบข้อเครื่องฟอกอากาศทรงกระบอก คือ อากาศสามารถที่จะไหลเข้าเครื่องได้จากรอบๆ ตัว แบบทุกทิศทุกทาง (360 องศา) ในขณะที่อากาศออก ก็จะออกทางด้านข้าง หรือด้านบนของตัวเครื่อง ซึ่งรูปทรงแบบนี้ จะมีมิติในการฟอกอากาศมากกว่า เครื่องฟอกอากาศทรงเหลี่ยม
ห้องที่สามารถให้เครื่องฟอกอากาศได้ เป็นห้องปิดหรืออากาศถ่ายเทคะ
รบกวนขอราคาเครื่องฟอกอากาศสำนักงาน โดยมีพื้นที่โดยรวมประมาณ 1,200 ตร.ม. มี 2 ชั้น ชั้น 1 มีห้อง 6 ห้อง
ชั้น 2 มี 8 ห้อง ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามข้อมูลด้านล่างนะคะ ขอบคุณคะ สำนักงานตลาดไท
เข้าใจง่าน มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานหรือผู้ที่กำลังจะหาซื้อมาใช้งานมากๆ…ขอบคุณครับ
รีวิวดีมากๆเลยค่ะ ประกอบการตัดสินใจได้เยอะเลยค่ะ
อ่านแล้วตอนนี้ผมตัดสินใจซื้อของ Xiaomi Air Purifier น่ะครับ ยังไงก็ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลที่ละเอียดขนาดนี้น่ะครับ เพราะ สุดท้ายแล้วผมมองแค่ว่า ขนาดห้องเท่าไหร่ และ ผมต้องการ options เสริมมากน้อยแค่ไหน ซึ่งส่วนตัวแล้วกลัวแค่สภาพความเป็นฝุ่นของค่า PM2.5 เท่านั้นดังนั้นแล้ว ผมใช้แค่เป็น HEPA Filter ก็ได้ (ประหยัดเงินอยู่) และ ถ้าหากว่าเป็นของเสี่ยวหมี่จะมีคนทำ Non-brand filter หลายรายเหมือนกัน และ สามารถซือกับผู้ผลิตโดยตรงก็ได้เหมือนกัน ทำให้ประหยัดค่าฟิลเตอร์ได้อีก !
ส่วนตัวผมมองค่าใช้จ่ายต่อเวลาเป็นประเด็นสำหรับ เรียกง่ายๆว่า ดูว่าอะไรต้องเปลี่ยนและต้องเปลี่ยนความถี่เท่าไหร่ และ คำนวณเป็นเงินค่าใข้จ่ายรายเดือนหรือรายปีแทน แล้วเทียบกัน ทำให้สุดท้ายเลือกอะไรที่เป็น mass เอามากๆน่ะครับ
รุ่นที่เพิ่งซื้อจะเป็นรุ่น Xiaomi Air Purifier 3 (ใหม่สุด)
คอมเม้นท์อีกอย่างน่ะครับ คือ ตัวที่เป็น Plastma เห็นส่วนมาก จะเห็นที่โรงแรมที่ญี่ปุ่นน่ะครับ ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นประจำและ เราจะเห็นโรงแรมเกรดสามดาวหรือสี่ดาว จะมีเครื่องฟอกวางเอาไว้และทั้งหมดจะเป็นของในประเทศเขาคือ Philips Plasma เข้าใจว่าน่าแก้ปัญหาพวกกลิ่นบุหรี่ได้ดีนะครับ
ขอใบเสนอราคาเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กราคาประมาณ 2000 บาท คะ
เครื่องฟอกอากาศ กรองPM2.5ได้หรือเปล่าครับ
รีวืวได้ละเอียดมากครับ ตอนนี้ระหว่างรอของก็หารีวิวไปเรื่อยๆ ก่อน ขอบคุณมากครับ