Mister Robot Hybrid LASER Map หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น ขนาดเล็ก ที่ใช้ Laser นำทางได้

← กลับไปอ่านหน้า 1 (Previous Page)

สำรวจรอบๆ ตัวเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น Mister Robot Hybrid LASER Map

ส่วนประกอบของตัวเครื่อง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น Mister Robot Hybrid LASER Map มาดูกันว่าแต่ละส่วนนั้น มีความสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยจะเป็นภาพประกอบพร้อมคำบรรยายอย่างละเอียด ในที่นี้ขอนำเสนอเป็น 4 หัวข้อหลักๆ ได้แก่

1. 1. ส่วนประกอบด้านบน
   2. ส่วนประกอบด้านล่าง
   3. ส่วนประกอบด้านข้าง
   4. ส่วนประกอบของ กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง และถังน้ำ
   5. ส่วนประกอบรีโมทคอนโทรล

Top Component (ส่วนประกอบด้านบน)

1. Front Bumper (กันชนหน้า) : ป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเครื่อง กับข้าวของภายในบ้าน
2. Wi-Fi Indicator Light (ไฟแสดงสถานะการเชื่อมต่อ Wi-Fi) : ไฟจะเป็นสีเขียวค้าง เมื่อเชื่อมต่อสมบูรณ์
3. AUTO Mode Button (ปุ่มสั่งให้เครื่องทำความสะอาดในโหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ) : มีหลายสถานะเช่น
   1. When Power On (เมื่อเครื่องเปิดอยู่) : กด 1 ครั้งเพื่อให้เครื่องเริ่มทำความสะอาดในโหมดอัตโนมัติ
   2. When Working (ขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่) : กด 1 ครั้งเพื่อหยุดการทำงานชั่วคราว (Pause)
   3. Press and Hold (กดและค้างเอาไว้) : ล้างการตั้งค่า Wi-Fi และเปิดรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอีกครั้ง
4. LiDAR Sensor Cover (ฝาครอบเซ็นเซอร์ LiDAR หรือเซ็นเซอร์วัดระยะทางด้วยเลเซอร์) : เนื่องจากเซ็นเซอร์วัดระยะทางด้วยเลเซอร์ เป็นชิ้นส่วน หรืออุปกรณ์ที่ต้องมีการหมุนอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นจะต้องมีฝาครอบ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วย
5. Dustbin or Water Tank Eject Button (ปุ่มปลดล็อคกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง หรือถังน้ำ) : กดลงไปเพื่อนำกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง หรือถังน้ำออกมาได้ทันที โดยไม่ต้องพลิก หรือตะแคงตัวเครื่องเลย

Underside Component (ส่วนประกอบด้านล่าง)

1. Floor Sensor (เซ็นเซอร์ป้องกันการตกหล่น) : มี 3 จุดป้องกันเครื่องวิ่งตกบันได้ หรือตกจากที่สูง
2. Charge Pin (จุดสัมผัสแท่นชาร์จ) : ขั้วโลหะสีเงินทั้ง 2 จุดใช้รับไฟฟ้าจากแท่นชาร์จเข้ามาภายในตัวเครื่อง
3. Front Caster Wheel (ล้อเลื่อนรับน้ำหนักด้านหน้า) : มี 1 ล้อหมุนได้รอบตัว 360 องศา และถอดออกมาได้
4. Side Brush Installation Area (พื้นที่ติดตั้งแปรงกวาดข้าง) : สามารถถอดเข้าออกได้ง่ายๆ
5. Battery Cover (ฝาครอบแบตเตอรี่) : ภายในมีแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 2,600 มิลลิแอมป์ (mAh)
6. Main Brush Installation Area (พื้นที่ติดตั้งแปรงกวาดหลัก) : ด้านนอกมีฝาครอบสีเหลืองอยู่ แกะออกได้
7. Main Wheel (ล้อขับเคลื่อนหลัก) : ล้อขนาดใหญ่ 2 ล้อพร้อมลายดอกยาง ที่สามารถวิ่งได้บนทุกๆ พื้นผิว และยังมีสปริงโช๊คอัพที่สามารถวิ่งผ่านพื้นที่ต่างระดับได้ประมาณ 1.5 เซนติเมตร
8. Dustbin or Water Tank Installation Area (พื้นที่ติดตั้งกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง หรือถังน้ำ) : สามารถถอดสลับเปลี่ยนได้เมื่อต้องการจะใช้ฟังก์ชั่นของการถูพื้นแบบเปียก (Wet Mopping)

Side Component (ส่วนประกอบด้านข้าง – ในมุมต่างๆ)

ด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็น กันชนหน้า (Front Bumper) ที่มีสปริงสามารถให้ตัว (ยืดหยุ่น) ได้ในระดับนึง และยังมี แถบยางกันกระแทก (Rubber Bumper) เพื่อเอาไว้ช่วยดูดซับแรกกระแทก และป้องกันรอยขูดขีด ระหว่างตัวเครื่อง ข้างของเครื่องใช้ภายในบ้านอีกชั้น และด้านหลังของตัวเครื่องคือพื้นที่ติดตั้งถังน้ำ หรือกล่องใส่ชยะฝุ่นละออง

ขณะที่ด้านข้างฝั่งซ้ายจะเป็น ช่องระบายอากาศ (Air Ventilation) ที่ผ่านการกรองจากแผ่นกรองทั้ง 3 ชั้น ออกจากตัวเครื่องมาสู่ด้านนอก และด้านข้างฝั่งขวา จะเป็น ช่องเสียบไฟตรงกับอะแดปเตอร์ (DC Jack) ใช้ในกรณีที่แท่นชาร์จอาจจะเสีย หรือลืมเอาแท่นชาร์จมา และ ปุ่มสวิตซ์เปิดปิดเครื่องหลัก (Power Switch Button) (ต้องเปิดสวิตซ์นี้ก่อนเริ่มใช้งานmทุกครั้ง)

Dustbin and Water Tank Components (ส่วนประกอบของ กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง และถังน้ำ)

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น ตัวนี้มีออปชั่นในการทำความสะอาดพื้น ให้เราได้เลือกอยู่ 2 อย่าง ซึ่งสามารถใช้ได้ที่ละอย่างเท่านั้น ได้แก่

1. Dustbin (กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง)

ในกรณีที่เราต้องการ ดูดฝุ่นอย่างเดียว (Vacuum Only) การใช้กล่องใส่ขยะฝุ่นละอองจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด มันมีความจุ 0.6 ลิตร และยัง มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้นคือ 1. ตาข่ายกรองฝุ่น → 2. ฟองน้ำกรองฝุ่น → 3. แผ่นกรองอากาศ HEPA

2. Water Tank (ถังน้ำ)

ในกรณีถ้าหากต้องการ ดูดฝุ่น และถูพื้น ไปด้วยพร้อมๆ กัน (Vacuum and Wet Mopping) ก็จะต้องใช้ชุดถังน้ำตัวนี้ โดยมันมีความจุของถังน้ำที่ 0.3 ลิตร มันมาพร้อมระบบปั๊มลมเพื่อป้องกันน้ำเจิ่งนองลงบนพื้นในขณะที่กำลังจอดอยู่กับที่ โดยมันก็ยังมีส่วนของพื้นที่เก็บฝุ่นอีกด้วยเช่นกัน แต่ว่ามีขนาดพื้นที่เก็บฝุ่นเล็กกว่ากล่องใส่ขยะฝุ่นละอองอย่างเดียว และไม่มีแผ่นกรองอากาศใดๆ ติดตั้งมาให้

Remote Control Component (ส่วนประกอบรีโมทคอนโทรล)

รีโมทคอนโทรลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวสะอาดตา มีหน้าจอแสดงผล อยู่ด้านบน (คล้ายกับ รีโมทคอนโทรลของ เครื่องปรับอากาศ) ด้านล่างมีปุ่มควบคุมอยู่ประมาณหนึ่ง พร้อมสัญลักษณ์ไอคอนประกอบปุ่ม มาดูรายละเอียดกันเลย

1. Display Screen : หน้าจอแสดงผล ขนาด 1.5 นิ้ว ใช้แสดงผลการตั้งค่าของตัวเครื่องหุ่นยนต์ อยู่ 2 ส่วนหลักๆ ด้วยกันคือ
   1. PLAN Section : ส่วนของตารางเวลา แสดงผลอยู่ด้านบน
   2. CLOCK Section : ส่วนของนาฬิกา จะแสดงผลอยู่ด้านล่าง
2. Direction Button : ปุ่มลูกศรควบคุมทิศทางเครื่องด้วยตัวเอง ลักษณะจะเป็นปุ่มวงกลม มีเอาไว้ใช้เพื่อ ควบคุมทิศทางของตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ได้ 3 ทิศทาง และสั่งงานอีก 1 โหมดคือ
   1. Forward Button (↑ ปุ่มลูกศรชี้ขึ้น) : ปุ่มสั่งเครื่อง เดินหน้า
   2. Left Button (← ปุ่มลูกศรซ้าย) : ปุ่มสั่งเครื่อง เลี้ยวซ้าย
   3. Right Button (→ ปุ่มลูกศรขวา) : ปุ่มสั่งเครื่อง เลี้ยวขวา
   4. MAX Button : โหมดทำความสะอาดอัตโนมัติแบบเต็มกำลัง ด้วยพลังดูดสูงสุด (Maximum Power) ซึ่งการใช้งานโหมดนี้ จะเปลืองแบตเตอรี่ แต่ดูดสะอาดจริง
3. CLOCK Button :  ใช้สำหรับตั้งเวลา ให้กับตัวเครื่อง เพียงแค่ชั่วโมงกับนาที เท่านั้น
4. SPOT Button :  ปุ่มไอคอนรูปวงกลมก้นหอย คือ ไว้ใช้ใการเปิดโหมดทำความแบบเฉพาะจุด (SPOT Cleaning Mode) เฉพาะบริเวณพื้นที่ที่ต้องการเน้นให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดเป็นพิเศษ
5. HOME Button : ปุ่มไอคอนรูปบ้านนี้ ตามความหมายของมันเลยคือ ใช้สั่งให้หุ่นยนต์วิ่งกลับบ้าน หรือ แท่นชาร์จทันที ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ส่วนใดในห้อง หากได้รับคำสั่งนี้ต้องกลับแท่นชาร์จ โดยทันที
6. AUTO Button : หรือ “ปุ่ม CLEAN” ใช้เพื่อสั่งให้หุ่นยนต์เริ่มทำการทำงาน (Start) แต่ถ้ากดอีกครั้ง จะเป็นการสั่งให้หยุดการทำงานแบบชั่วคราว (Pause)
7. PLAN Button :  ใช้ตั้งค่าการทำความสะอาดอัตโนมัติรายวัน (ตั้งเวลาทำความสะอาดล่วงหน้า) เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทำงานเองโดยอัตโนมัติตามเวลาที่กำหนด และ กลับ แท่นชาร์จ โดยอัตโนมัติเมื่อเสร็จ เช่นกัน
8. Wi-Fi Button : กดเพื่อเริ่มการตั้งค่าการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กับตัวเครื่อง ผ่านเครือข่ายไร้สาย (Wi-Fi)
9. EDGE Button : เปิดใช้งาน โหมดการทำความสะอาดแบบเลาะขอบกำแพง เครื่องจะวิ่งเข้าหากำแพงทันที และวิ่งเลาะขอบไปเรื่อยๆ จนครบ

เตรียมเครื่อง และเปิดใช้งานจริง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น Mister Robot Hybrid LASER Map

การใช้งานเครื่องนี้ ก็จะเหมือนหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วๆ ไป ที่จะต้องมีการติดตั้งแท่นชาร์จ รวมไปถึงการชาร์จไฟ เข้าเครื่องให้เรียบร้อยเสียก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน ในครั้งแรก มาดูกันตามหัวข้อด้านล่างนี้เลย

1. 1. การติดตั้งแท่นชาร์จ และ ดึงอุปกรณ์ป้องกันเครื่องออก
   2. การชาร์จไฟครั้งแรก
   3. การใช้งานอุปกรณ์สำหรับถูพื้น
   4. การเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่น ผ่าน Wi-Fi

1. Charge Base Installation and Protection Removal (การติดตั้งแท่นชาร์จ และ ดึงอุปกรณ์ป้องกันเครื่องออก)

อันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือ การติดตั้งแท่นชาร์จ โดยจะต้องหาพื้นที่ในบ้าน ที่เป็นขอบผนังห้องที่โล่ง และ ไม่มีสิ่งกีดขวางในระยะ 2 เมตรด้านหน้า ขณะที่ ฝั่งซ้าย และ ฝั่งขวา ฝั่งละ 1 เมตร เพื่อความแม่นยำของเครื่องในการตรวจจับหาแท่นชาร์จและเข้าออก ได้อย่างแม่นยำ

2. First Time Charging (การชาร์จไฟครั้งแรก)

หลังจากที่ติดตั้งแท่นชาร์จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการชาร์จไฟลงแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ที่อยู่ในเครื่องเสียก่อน โดยก่อนการชาร์จไฟนั้นอย่าลืมเปิด “สวิตซ์เปิดปิดเครื่องหลัก” ที่อยู่ข้างขวาของตัวเครื่องก่อน เพื่อให้ไฟเข้าเครื่อง ซึ่งการชาร์จนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกันคือ

1. Charge via Charge Base : ชาร์จไฟผ่าน แท่นชาร์จ
2. Charge via DC Jack : ชาร์จไฟตรง ช่องผ่านเสียบไฟตรงกับอะแดปเตอร์

3. Mopping Device and Water Tank Usage (การใช้งานอุปกรณ์สำหรับถูพื้น)

สำหรับการถูพื้นแบบเปียก (Wet Mopping) จะเป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในส่วนด้านหลังของตัวเครื่อง โดยที่ต้องถอดอุปกรณ์ที่เป็น กล่องใส่ขยะฝุ่นละออง (Dustbin) ธรรมดา ที่ติดมากับเครื่อง ออกไปก่อน แล้วค่อยติดตั้งอุปกรณ์อุปกรณ์สำหรับถูพื้น หรือที่เรียกว่า ถังน้ำ (Water Tank) ที่มาพร้อมกับผ้าม็อบไมโครไฟเบอร์ (สีฟ้าๆ) เข้าไปแทน สำหรับวิธีการติดตั้ง และใช้งานถังน้ำ สามารถดูได้จากรูปประกอบด้านล่างนี้ได้เลย

4. Application Connection via Wi-Fi (การเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่น ผ่าน Wi-Fi)

ในการควบคุมเครื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่า สั่งงานต่างๆ จะต้องทำผ่านแอปพลิเคชันชื่อว่า “LASER WIFI” บน iOS หรือ “HYBRID LASER” สำหรับบนระบบปฏิบัติการ Android โดยบริษัท M.M. Global Trade Company Limited เท่านั้น เนื่องจากบนตัวเครื่อง มีปุ่มควบคุมหลักอยู่เพียงแค่ปุ่มเดียวเท่านั้น จึงให้ทำอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่

โดยเครื่องนี้ มีให้เลือกใช้กันทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการเลยคือ iOS และ Android

1. ดาวน์โหลดแอป LASER WIFI สำหรับ iOS ผ่าน App Store
2. ดาวน์โหลดแอป HYBRID LASER สำหรับ Android ผ่าน Play Store

และเมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านล่างนี้คือขั้นตอนการเชื่อมต่อ แอปพลิเคชัน LASER MAP (บนระบบปฏิบัติการ iOS) กับตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ได้เลย โดยขั้นตอนก็มีอยู่ประมาณนี้

1. เปิดแอปพลิเคชัน LASER WIFI เข้ามาแล้ว ให้กด “ปุ่ม Add A Robot” เพื่อทำการเพิ่มหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของเรา ให้เข้าไปในระบบ
2. ระบบจะพามาหน้าเข้าสู่ระบบ (Login Page) แต่ถ้าเป็นการใช้งานครั้งแรก ให้กด “ปุ่ม Sign Up” เพื่อทำการลงทะเบียนผู้ใช้งานเสียก่อน
3. ใส่อีเมลเข้าไปในช่อง “Please Input Your Email” พร้อมกดที่ “ปุ่มวงกลม” ตรงส่วนของ “Read and Agreed User Agreement” เพื่อยอมรับข้อตกลงการใช้งาน แล้วหลังจากนั้นกด “ปุ่ม Next Step” เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป
4. กด “ปุ่ม Get Verification Code” แล้วระบบจะส่งรหัสยืนยัน (Verification Code) เข้าไปทางอีเมลของเราที่ได้กรอกไว้เมื่อขั้นตอนที่แล้ว หลังจากนั้นนำค่าที่ได้กลับมากรอกในช่อง “Input Verification Code” แล้วหลังจากนั้นใส่รหัสผ่านที่เราต้องการลงในช่อง “Please Set Password” แล้วกด “ปุ่ม Sign Up“
5. เข้ามาในหน้าแสดงรายการอุปกรณ์ของฉัน(My Device) แล้วกด “ปุ่ม Add a Robot“
6. เลือก “HYBRID LASER” (ซึ่งมีตัวเลือกอยู่อันเดียว)
7. ระบบจะพาเข้ามาที่ส่วนของ “Connection Wizard” โดยมีคำแนะนำต่างๆ แบบเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตอนแรกจะมีอยู่ทั้งหมด 2 ขั้นตอน โดย ขั้นตอนแรก เปิดเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และ ขั้นตอนที่สอง คือการกด “ปุ่ม Wi-Fi” บนรีโมทคอนโทรล หรือ “ปุ่มเปิดปิดเครื่อง” ที่อยู่บนตัวเครื่อง ค้างเอาไว้ประมาณ 3-5 วินาที จนกว่าจะได้ยิน “ เสียงตี๊ด” ต่อด้วยคำพูดเสียงคนที่ว่า “ Start Wi-Fi Pairing” และไฟสัญลักษณ์ Wi-Fi บนตัวเครื่องจะสว่างเป็นสีเขียวกระพริบๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วกด “ปุ่ม Next Step” บนแอปฯ เพื่อดำเนินการต่อ
8. สำหรับ ขั้นตอนที่สาม ให้กรอกรหัสผ่าน Wi-Fi ของ SSID ปัจจุบัน ที่เราใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ ลงในช่อง “Input Wi-Fi Password” หลังจากนั้นกด “ปุ่ม Next Step” เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป (สามารถเปลี่ยน SSID ในการเชื่อมต่อได้ โดยการกด “ปุ่ม Setting” ที่อยู่ข้างๆ)
9. ใน ขั้นตอนที่สี่ ให้กด “ปุ่ม Setting” เพื่อเปลี่ยน SSID ที่มือถือเราเชื่อมต่ออยู่ ไปเป็น SSID ของตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น โดยชื่อ SSID ในหน้าตั้งค่า Wi-Fi ที่เราเห็นจะประมาณว่า “Robot-XXXX“
10. กรอกรหัสผ่านในการเข้าถึง SSID ของตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น โดยค่าตั้งต้นจากโรงงาน (Default Value) คือ “123456789“
11. กลับไปที่แอปพลิเคชัน แล้วกด “ปุ่ม Begin to Connect” เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป แล้วรอสักครู่ (ประมาณ 15-20 วินาที) จนได้ยินเสียงว่า “ Pairing Finish“
12. ระบบจะให้เราตั้งชื่อเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Device Name) ซึ่งจะเปลี่ยนก็ได้หรือไม่เปลี่ยนก็ได้ (ชื่อตั้งต้นคือชุดตัวเลขผสมกับตัวอักษรมั่วๆ) หลังจากนั้นกด “ปุ่ม Confirm” เพื่อยืนยันชื่อ และไปยังขั้นตอนถัดไป
13. เราจะเห็นรายการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแสดงขึ้นในแอปฯ ทันที และหลังจากนั้นก็สามารถเข้าไปควบคุมต่อ สั่งงาน หรือตั้งค่าต่างๆ ต่อได้เลย

คุณสมบัติ และความสามารถของตัวแอปพลิเคชัน LASER WIFI

1. การสั่งงานเครื่อง (Execute Cleaning Command)
   1. สั่งให้เครื่องเริ่มทำงานในโหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ (Auto Clean Mode)
   2. หยุดทำงานชั่วคราวหรือทำงานต่อ (Stop / Start Clean)
   3. สั่งให้เครื่องกลับแท่นชาร์จ (Recharge)
   4. ความสามารถเสริมพิเศษ (Special Features)
      1. โหมดทำความสะอาดเฉพาะจุด (Spot Clean Mode)
      2. โหมดทำความสะอาดแบบเลาะขอบกำแพง (Edge Clean Mode หรือ Along Wall Mode)
      3. โหมดควบคุมทิศทางเครื่องด้วยตัวเอง (Direction Mode หรือ Manual Mode)
      4. การกั้นกำแพงจำลอง (Electronic Wall) (ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ)
2. การดูสถานะของตัวเครื่อง (Robot Status)
   1. ดูสถานะปัจจุบันของตัวเครื่อง (Current Status) ได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ อาทิ
      1. พร้อมใช้งาน (Standby)
      2. กำลังทำงาน (Nav)
      3. หยุดชั่วคราว (Paused)
      4. กำลังกลับแท่นชาร์จ (Recharge)
      5. กำลังหลับ (Sleep)
   2. ดูแผนที่จำลองของห้องแบบสดๆ (Real-time Cleaning Map) เพื่อดูว่าเครื่องทำงานครบทั่วทั้งพื้นที่ห้องแล้วหรือยัง และ ตรวจสอบรูปแบบการทำความสะอาดว่าทำงานอยู่ในโหมดใด นอกจากนี้ยังมีการบอก จำนวนตารางเมตร ที่เครื่องทำความสะอาดไปแล้ว
   3. ขนาดพื้นที่ที่ทำความสะอาดไปแล้ว (Cleaning Area) (หน่วยเป็นตารางเมตร – m²)
   4. ระยะเวลาที่ใช้ในการทำความสะอาด (Cleaning Time) (หน่วยเป็นนาที – Min)
   5. ปริมาณคงเหลือของแบตเตอรี่ (Remaining Power) (บอกเป็นแถบ – มีทั้งหมด 3 แถบ)
3. การตั้งค่าทั่วไป (General Settings)
   1. สามารถตั้งเวลาทำความสะอาดอัตโนมัติ (Planning) รายวันได้ว่าในแต่ละวันของสัปดาห์ ทำความสะอาดเวลาไหนบ้าง (ได้แค่วันละครั้งเท่านั้น)
   2. สามารดูประวัติการทำความสะอาด (Cleaning Records) ย้อนหลังได้ทุกครั้ง ว่า วันไหน เริ่มเวลาไหน ทำความสะอาดไปกี่ตารางเมตร ใช้เวลาเท่าไหร่ และแผนที่จำลองของห้อง ในแต่ละครั้งเป็นอย่างไรบ้าง
   3. สามารถดูสถานะของอุปกรณ์สิ้นเปลือง (Material Consume) อย่าง แปรงกวาดข้าง แปรงกวาดหลัก หรือ แผ่นกรองอากาศ HEPA ได้ว่าเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ (%) แล้ว ควรเปลี่ยนได้แล้วหรือยัง
   4. สามารถเลือกระดับของปริมาณน้ำที่จะปล่อยลงพื้น (Water Control) ได้ว่าจะให้พื้นเปียกมาก หรือเปียกน้อย โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 ระดับคือ
      1. เปียกน้อย (Soft)
      2. เปียกปานกลาง (Normal)
      3. เปียกมาก (Strong)
   5. สามารถปรับพลังการดูด (Suction Power) ไปเป็นระดับสูงสุด (Max Suction Mode) ได้
   6. (Tone Switch)
   7. สามารถตั้งชื่อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Set Remark) ได้ตามต้องการ จะมีประโยชน์มากในกรณีที่เรามีหลายเครื่อง
   8. สามารถหาตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Find Robot) ด้วยการให้ตัวเครื่องส่งเสียงออกมาได้ ในกรณีที่หาไม่เจอ โดยมันจะพูดว่า “ Robotic Vacuum Cleaner” ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วินาที
   9. สามารถตั้งเปลี่ยนชื่อเรียก (Robot Name) ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้
   10. สามารถตรวจสอบ และอัพเดทเฟิร์มแวร์ (Firmware Update) ของตัวเครื่อง ผ่านแอปพลิเคชันได้โดยตรง
   11. สามารถล้างการตั้งค่าทั้งหมด (Reset All Settings) ให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน เพื่อเริ่มต้นใหม่ได้

คำถามที่คุณต้องอยากรู้ (FAQs) เกี่ยวกับการใช้งาน หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น Mister Robot Hybrid LASER Map

ในส่วนของคำถามที่คุณต้องอยากรู้นั้น โดยหลักๆ แล้วจะเหมือนกับ คำถามที่คุณต้องอยากรู้ ของรุ่น Hybrid Camera Map แทบจะทั้งหมด โดยจะแตกต่างกันเพียงแค่ตรงระบบการนำทางเท่านั้น

1. ระบบการนำทางด้วยเลเซอร์ มีความแตกต่างจากรุ่นที่นำทางด้วยกล้องสร้างแผนที่จำลองมากน้อยแค่ไหน ?

ถ้าเทียบจากการดูดในพื้นที่เดียวกัน ในสภาพแวดล้อมเหมือนกันทุกประการ รุ่น Hybrid LASER Map จะใช้ระยะเวลาที่สั้นกว่ารุ่น Hybrid Camera Map อยู่ประมาณ 20% โดยเมื่อมันทำงานเสร็จ มันสามารถตรงดิ่งกลับแท่นชาร์จได้โดยทันที โดยไม่ไปเถลไถล ที่ไหน

2. ปริมาณฝุ่นละออง ในกล่องใส่ขยะฝุ่นละออง เป็นอย่างไรบ้าง ?

เรื่องของความสามารถการดูดฝุ่น ก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกับรุ่น Hybrid LASER Map ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ โดยภาพที่เห็นด้านข้างนี้ เป็นการทดสอบปล่อยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้ดูดต่อเนื่อง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน โดยไม่ได้ไปยุ่งกับมันเลย ปริมาณฝุ่นจึงมากอย่างที่เห็น

โดยเส้นผมที่มีขนาดยาวๆ ก็สามารถดูดเข้ามาเก็บได้อย่างไรปัญหา (ต้องใช้แปรงยางทรงวีในการดูด) สรุปง่ายๆ คือ หากเราไม่อยู่บ้าน ไปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ เป็นเวลานานๆ เราก็สามารถที่จะปล่อยเครื่องนี้ทำงานได้ โดยไม่ต้องกังวลเลย

3. การถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่อง มีความยุ่งยากมากน้อยเพียงใดๆ ?

การถอดแบตเตอรี่ของเครื่องออกเพื่อเปลี่ยน หรือการบำรุงรักษาต่างๆ ก็ไม่ได้มีความยุ่งยากเลย เราสามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่เตรียมไขควงมาไขน๊อตเพื่อนำฝาครอบออก รายละเอียดอื่นๆ ดูจากรูปภาพด้านล่างนี้เลย

4. มีระยะเวลาการรับประกัน ยาวนานแค่ไหน ?

หุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านของ Mister Robot จะมีการรับประกันในส่วนของอุปกรณ์ภายในตัวเครื่องเป็นระยะเวลา 1 ปี ส่วนของแบตเตอรี่จะรับประกัน 6 เดือน หลังจากหมดช่วงระยะประกันแล้วสามารถสั่งซื้ออุปกรณ์อะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆ ได้ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของผู้จัดจำหน่ายได้เลย

โดยลูกค้าที่สั่งซื้อไปใช้งานแล้ว ถ้าหากเครื่องมีปัญหา ก็สามารถติดต่อแผนกบริการหลังการขาย (After Service Support Team) ได้โดยตรงเลยที่

• Hotline (สายด่วน) : 06-3269-9500
• LINE ID (ไลน์ไอดี) : servicemisterrobot

หมายเหตุ : เมื่อแกะกล่องใช้งานแล้ว อย่าลืมกรอกข้อมูลส่วนตัวลงในบัตรรับประกันสินค้าเสียก่อน แล้วเก็บเอาไว้กับตัว (แนะนำให้เก็บไว้ในกล่องผลิตภัณฑ์เหมือนเดิม) เผื่อกรณีเครื่องมีปัญหา จะได้นำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้

5. สั่งซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot Hybrid LASER Map ได้ที่ไหน ?

คุณสามารถสั่งซื้อ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น Mister Robot Hybrid LASER Map ได้ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น ตามรายละเอียดด้านล่างดัต่อไปนี้

• Telephone No (เบอร์โทรศัพท์) : 08-7087-5352
• Website (เว็บไซต์) : http://www.misterrobotcleaner.com
• LINE ID (ไลน์ไอดี) : @mister_robot
• Facebook Page (เพจเฟสบุ๊ค) : misterrobotcleaner (มิสเตอร์โรบอทคลีนเนอร์) ตามกรอบด้านล่าง

บทสรุปหลังการใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น Mister Robot Hybrid LASER Map

ข้อดีทั่วไป 🙂

• ใช้ระบบการนำทางด้วยเลเซอร์ ถือว่าเป็นระบบการนำทางของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ดีที่สุดในโลกแล้วในขณะนี้
• มีระบบปล่อยน้ำลงพื้นอัจฉริยะ ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำจากถังน้ำหยดลงสู่พื้นจนเจิ่งนองขณะจอดชาร์จไฟ หรือ จอดอยู่กับที่เฉยๆ
• สามารถปรับระดับของน้ำที่จะปล่อยลงพื้นได้ถึง 3 ระดับ ว่าจะเอาเปียกมาก เปียกปานกลาง หรือเปียกน้อย
• ไว้ใจได้ สามารถตั้งเวลาผ่านแอปพลิเคชัน แล้วปล่อยให้มันทำงานตามเวลาที่กำหนดทุกวันได้ โดยไม่ต้องไปสนใจ จากการรีวิวนี้ทดสอบเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ เครื่องก็ยังวิ่งเข้าออกแท่นชาร์จได้โดยไม่ติดขัดอะไรเลย

ข้อดีในส่วนของแอปพลิเคชัน 🙂

• สามารถดูสถานะต่างๆ ของเครื่องได้ทันที
• แอปพลิเคชันมีการตอบสนองกับตัวเครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ค่อนข้างเร็ว ไม่มีดีเลย์ เช่นกดส่งคำสั่งเมื่อไหร่ เครื่องก็ตอบสนองกับคำสั่งโดยทันที
• สามารถแชร์ให้สมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ เข้ามาควบคุมหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องเดียวกันได้ เพียงแค่นำสมาร์ทโฟนอีกเครื่องมาสแกนคิวอาร์โค้ด
• สามารถเห็นแผนที่การทำความสะอาดได้แบบสดๆ เราสามารถรู้ได้เลยว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอยู่ที่ไหน ส่วนได้ในห้องของเรา

ข้อเสีย 🙁

• ความสามารถ หรือฟังก์ชั่นบางส่วนภายในแอปพลิเคชันยังไม่สมบูรณ์เรียบร้อยดี แต่ในอนาคตทางผู้ผลิต หรือผู้พัฒนาแอปพลิคชัน ก็สามารถออกตัวอัพเดทมาได้ โดยไม่ต้องยกเครื่องเข้าไปที่ศูนย์บริการ หรือซื้อเครื่องใหม่
• ถ้าเทียบในบรรดาหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot ตระกูล Hybrid ทั้งหมด ตัวนี้มีความสูงมากที่สุด (เนื่องจากมีโดมเซ็นเซอร์ LiDAR ยื่นออกมาด้านบน) อาจจะวิ่งมุดใต้เฟอร์นิเจอร์อย่าง ตู้ เตียง โซฟา ลำบากแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ถ้าเทียบกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่นำทางด้วยระบบเลเซอร์ยี่ห้ออื่นๆ

← กลับไปอ่านหน้า 1 (Previous Page)