Nissan Teana 2014 ภายใน
มาดูที่รายละเอียดการออกแบบภายในห้องโดยสาร (Interior Design) ของตัวรถกันดูบ้าง ซึ่งพอเข้าไปนั่งก็จะสังเกตุเห็นว่า ยังคงคอนเซปเดิม ที่มีมาจากรุ่นก่อนๆ คือเน้นความสะดวกสบาย และ ความหรูหรา เป็นหลัก เรื่องการตกแต่งเอาใจวัยรุ่น เน้นแนวล้ำๆ อวกาศๆ หน่อยจะไม่มีให้เห็นในรถรุ่นนี้ ภายในก็จะมี 2 สีให้เลือกคือ สีครีม (สีเบจ) และ สีดำ ซึ่งหากใครเลือกใช้บริการสีดำ ก็จะดูมีความเป็นสปอร์ต วัยรุ่นขึ้นมาบ้าง
หากพูดถึงด้านในรถ ความเป็นจริงแล้ว ก็แทบจะไม่ได้ต่างอะไรมากมายหากเทียบกับรุ่นที่แล้ว J32 แต่มีส่วนแตกต่างแบบเด่นๆ เลยคือ ที่แผงควบคุมด้านหน้า มีลูกเล่น ฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเข้ามามากขึ้นเพียบ เรียกได้ว่ามีเยอะกว่าเกือบ 2 เท่าตัวเลยด้วยซ้ำ
โดยด้านล่างจะขอแยก แบ่งอธิบายอุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร ออกเป็นส่วนๆ ไปเลย เพื่อความชัดเจน กระจ่าง ที่มากขึ้น
พวงมาลัย Nissan Teana 2014
เริ่มตั้งแต่เมื่อมานั่งตรงหลังพวงมาลัย ก็จะได้พบกับพวงมาลัย ที่มีฟีเจอร์ค่อนข้างเพียบ พูดง่ายๆ คือปุ่มเพียบ ทั้งฝั่งซ้าย ฝั่งขวา ผมได้นำเอาพวงมาลัยของทั้ง นิสสันเทียน่า J32 มาเปรียบเทียบให้ดูกับตัว นิสสันเทียน่า L33 (2014) ให้ดูกัน
สำหรับ พวงมาลัยรถนิสสันเทียน่า รุ่นนี้มีความสามารถแพรวพราว ลูกเล่นเพียบ โดยจะขออธิบาย ฟีเจอร์หรือความสามารถของมัน ออกเป็นสองฝั่ง ดังต่อไปนี้
พวงมาลัยฝั่งซ้าย
- ปุ่ม “SOURCE” หรือแหล่งที่มาของเสียงออดิโอ ว่าจะมาจากแหล่งใด ตั้งแต่
- วิทยุ FM1
- วิทยุ FM2
- วิทยุ AM
- สายพ่วง AUX (ไม่มีได้ต่อสายก็ไม่แสดง)
- สายพ่วง iPod (หากไม่ได้เสียบกับ iPod iPhone iPad ก็ไม่แสดง)
- แผ่น CD (หากไม่มีแผ่น CD ก็ไม่แสดง)
- ปุ่มลูกศรขึ้น ลูกศรลง พร้อมปุ่ม “ENTER” อยู่ตรงกลาง สามารถดันขึ้น ดันลงได้ เพื่อใช้เลือกเมนู เลือกดูข้อมูลต่างๆ หากต้องการเข้าสู่เมนูหรือตอบตกลงก็ขอให้กดได้ที่ปุ่ม “ENTER” ซึ่งตรงนี้ถือว่าใช้งานง่ายมากๆ
- ส่วนล่าง 2 ปุ่มคือ ปุ่มกดเลือกเมนู หน้าจอแสดงข้อมูลรถยนต์ (Car Information) (ปุ่มมีรูปสี่เหลี่ยมๆ ซ้อนกันอยู่) เพื่อดูข้อมูลจากหน้าจอ 3 มิติ ที่ฝังอยู่ในหน้าปัด ทางนิสสันเขา เรียกว่า หน้าจออัจฉริยะ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Intelligent 3D Display (หน้าจออยู่ระหว่าง มาตรวัดความเร็วรอบเครื่อง x1000r/min และ มาตรวัดความเร็วรถ km/h) ซึ่งเจ้าฟังก์ชั่นของข้อมูลตรงนี้ มีมาให้เลือกแสดงทั้งหมด 6 อย่างด้วยกัน ดังต่อไปนี้
- Lane Departure Warning & Blind Spot Warning
- Driving Information
- Audio Display
- Turn-by-Turn Navigation (มีเฉพาะรุ่นที่มีระบบนำทาง GPS)
- Warning Information
- Bluetooth Connection
- Setting
- อีกปุ่มที่อยู่ข้างๆ คือ ปุ่มออกจากเมนู ที่เป็นรูปลูกศรวนเลี้ยวขึ้นไปทางด้านบน
- ส่วนสองปุ่มล่างสุด ของพวงมาลัยฝั่งซ้ายคือ ปุ่มปรับระดับความดังของเสียงในห้องโดยสาร ใช้แทนการเอื้อมมือไปทางซ้าย ตรงกลางคอนโซล เพื่อปรับจากแผงควบคุมวิทยุตรงกลางรถได้ เป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ และ ลดอุบัติเหตุได้อีกด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็นส่วนตัว
ตรงจุดนี้ขอเสริมตรงระบบ “Car Information” ข้อ 3 นิดนึง ซึ่งเป็นระบบที่แสดงผลด้วยหน้าจอ 3 มิติ ซึ่งผมประทับใจตรงที่ ตอนแรกไม่รู้ว่ามีระบบเซ็นทรัลล็อคอัตโนมัติ ซึ่งปกติรถคันอื่นๆ จะล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อรถออกตัวไปเมื่อถึงความเร็วประมาณ 15-20 km/h แต่ด้วยความที่นิสสันเทียน่ารุ่นก่อน ไม่มีระบบตรงนี้ เลยคิดว่าระบบนี้ไม่มีด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนแรก เอามาขับก็คิดว่าไม่มีจริงๆ เพราะไม่เห็นมันล็อคหรือทำงานตอนออกตัวเลย
แต่ครับแต่ ! ตอนมาทำรีวิว ที่คุณกำลังอ่านอยู่ ได้ทดลองเข้าไปเล่นในแต่ละเมนูดู ก็มาเจอ เมนู “Setting” ในโหมด “Auto Door Lock” กับ “Auto Door Unlock”
ซึ่งมันสามารถเลือกให้รถล็อคในเงื่อนไขที่กำหนดได้เลย มี 2 เงื่อนไขคือ
- เลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่ง P จะล็อคอัตโนมัติ
- รถออกตัวไปแล้วเกิน 20 km/h จะล็อคอัตโนมัติ
พวงมาลัยฝั่งขวา
ฝั่งของพวงมาลัยด้านขวามือ จะเป็นแผงควบคุม ในเรื่องของ ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และปุ่มรับสาย วางสาย โทรศัพท์มือถือ หากมีการเชื่อมต่อ (Pair) ให้ทำความรู้จักกับเครื่องโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ของเรา
- ปุ่ม “CANCEL” เป็นปุ่มยกเลิกระบบ ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ
- ปุ่ม “ACCEL/RES” และ “COAST/SET” หากกดลงไปที่ “COAST/SET” จะเป็นปุ่มเซ็ตเพื่อรักษาความเร็ว โดยจะใช้ความเร็วที่ขับอยู่ในปัจจุบัน ไม่ให้ตกไม่ให้เกินไปกว่านั้น โดยอัตโนมัติ และหากตบขึ้น “ACCEL/RES” จะเป็นปุ่มที่ใช้เพิ่มความเร็วทีละนิด รถจะมีความเร็วสูงขึ้น โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง
- ปุ่ม “ON / OFF” ใช้สำหรับ เปิดระบบ และ ปิดระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ อย่างถาวร
- ปุ่มรับสาย วางสาย โทรศัพท์ ที่มีการเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธ
แผงควบคุม ด้านขวามือ ของผู้ขับรถ Nissan Teana 2014
ทีนี้เราลองเขยิบไปดูทางแผงควบคุมด้านฝั่งพวงมาลัยด้านขวา ของ นิสสันเทียน่า L33 ตัวนี้กันดูบ้าง ว่ามี แผงควบคุม หรือ ปุ่มอะไรกันดูบ้าง
ตรงจุดนี้มีปุ่ม หรือ ลูกเล่นที่น่าสนใจอยู่อีกพอสมควร ซึ่งตรงปุ่ม – + ด้านบน พร้อม “ปุ่ม Trip Reset” ตรงนี้ไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะว่า เป้นปุ่มจับระยะทาง ที่สามารถเซ็ตเป็นทริป ได้ทั่วๆ ไป เหมือนกับรถคันอื่นๆ ปุ่มเปิดฝากระโปรงหลังก็เช่นเดียวกัน แต่จุดที่น่าสนใจคือด้านล่าง 5 ปุ่มเรียงกัน ที่ตีกรอบสีแดงด้านล่าง ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้ (เรียงลำดับจากบนลงล่าง และ ซ้ายไปขวา)
- ปุ่มเปิดฝาห้องสัมภาระส่วนท้าย (ที่เก็บของท้ายรถ)
- ปุ่มเปิดปิดสัญญาณแจ้งเตือนรอบคัน (สังเกตุจากรูปจะเป็น ไฟสีส้ม อยู่)
- ปุ่ม “ECO” สีเขียวๆ (สีเขียวสัญลักษณ์แทนสีของสิ่งแวดล้อม) ปุ่มนี้เป็นโหมดประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากกดเปิดเอาไว้ รถของคุณจะรู้สึกอืดขึ้น แต่ก็ประหยัดน้ำมัน โคตรๆ เช่นเดียวกัน โดยความรู้สึกของ การเหยียบคันเร่งคือจะต้องออกแรงกดไปพอสมควร ถึงจะตอบสนองได้ทันใจ เหมาะแก่การใช้ขับรถปกติธรรมดา หากเป็นถนนที่ต้องมีการเร่งแซง เปลี่ยนเลนบ่อยๆ ไม่แนะนำให้ใช้
- ปุ่มเปิดปิดม่านบังแดดหลัง เป็นม่านกระจกไฟฟ้า สามารถกดเปิดปิดได้ตามต้องการ แต่ด้านหลังอย่าวางของไว้บังมันละ โดยมันจะสามารถปิดม่านขึ้นมาบังแดด หรือ ลดม่านลง อัตโนมัติได้ เมื่อขณะที่เราเข้าเกียร์ถอยหลัง (เกียร์ R) ทั้งนี้ก็เพื่อทัศนวิสัย ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ปุ่มเปิดปิดโหมด ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ ป้องกันการลื่นไถลออกนอกถนน การเสียความควบคุมของรถ ระบบนี้ ผมไม่เคยได้ใช้มัน และก็ไม่อยากได้ใช้บริการมันสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีความรู้ตรงนี้เท่าไหร่
- ปุ่มปรับระดับความสูงต่ำไฟส่องสว่างหน้ารถ ซึ่งจุดนี้ก็ชอบเหมือนกัน เพราะว่า หากมีสิ่งของบรรทุก หรือผู้โดยสารอยู่นั่งอยู่ท้ายรถหลายคน มันจะทำให้ด้านท้ายรถมีน้ำหนักมากขึ้น ผลที่ได้รับคือ ท้ายรถจะห้อย หน้ารถจะเชิดขึ้นมา ซึ่งผลของการที่ท้ายรถห้อยคือ ถ้าหากเราเปิดไฟ แทนที่จะไปส่องระดับใต้สายตา กลับกลายเป็นไปส่องแยงทิ่มเข้าหน้า เข้าตา ของคนที่ขับรถหรือยานพาหนะสวนมา เพราะหน้ารถเชิดสูงขึ้นมา ซึ่งปุ่มนี้จะช่วยปรับให้ไฟหน้ารถต่ำลงได้ 3 ระดับ ตามความต้องการ เพื่อไม่ไปแยงเข้าตาผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะสวนเข้ามา
- ปุ่มสวิตซ์ เปิดปิด ระบบแจ้งเตือนด้วยเสียง หากมีวัตถุผ่านไปมาหน้ารถ เช่นมอเตอร์ไซค์ รถเข็น คนเดินผ่าน มาใกล้ๆ หน้ารถ (เซ็นเซอร์หน้ารถ อันนี้ติดเอง ไม่ได้มากับรถ แต่ถ้าเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร จะมาติดมากับรถ พร้อมเชื่อมต่อกับหน้าจอสัมผัส ตรงคอนโซลกลาง)
- ปุ่มเปิดปิดฝากระโปรงหน้ารถ
- ปุ่มเปิดปิดฝาน้ำมัน
วิทยุติดรถ Nissan Teana
ระบบเครื่องเสียงขอรถ นิสสันเทียน่า L33 รุ่นนี้ถือได้ว่ามีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นที่ผ่านมามากๆ เพราะรุ่นที่ผ่านมาก่อนหน้านี้อย่าง J32 เครื่องเสียงคุณภาพค่อนข้างต่ำมากๆ เสียงไม่ค่อยใส เบสไม่ลึก จนพลันคิดไปว่ารถระดับนี้ หากเทียบกับคู่แข็งรายอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ปีเดียวกัน ถือว่าแพ้ขาด แต่นั่นคือรุ่นก่อน
พอมาให้รุ่นใหม่ L33 นี้ รู้สึกเหมือนทางนิสสัน ได้เก็บกดถึงขีดสุด ได้ปรับปรุงเครื่องเสียงใหม่ ให้ดีขึ้นกว่ามากๆ ชนิดกินทิ้งคู่แข่งขาดเช่นกัน ซึ่งในรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ทุกรุ่น ทั้ง 2.5XV และ 2.5XV Navi เขาให้ระบบเครื่องเสียงติดรถยนต์ของ BOSE มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีลำโพงให้ทั้งหมด 9 จุดทั่วคัน พร้อม ซับวูฟเฟอร์ ให้เสียงเบสที่แน่นทุ้ม นุ่มลึกกว่าเดิม (เฮ้ย !! นี่มันโรงหนังชัดๆ)
แต่สำหรับรุ่นที่ผมเอามารีวิวนั้น เป็นแค่ตัวเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร จึงได้ลำโพงติดรถยนต์มาเพียงแค่ 6 ตัว และวิทยุเป็นของพานาโซนิค (Panasonic) เท่านั้นโดยตำแหน่งลำโพงมีอยู่ จะมีบนคอนโซลหน้า 2 ตัว ประตูหน้า 2 ตัว และ ประตูหลัง 2 ตัว หากพูดถึงคุณภาพเสียง ก็ถือว่าโอเค เพียงพอ คุ้มแล้ว สำหรับราคานี้ และ คุณภาพระดับนี้ (รุ่น 2.0 ก็ยังดีกว่า รุ่น 2.5 รุ่นที่แล้ว J32 มากๆ อยู่ดี)
หากสังเกตุดูดีๆ หน้าจอของวิทยุติดรถนิสสันเทียน่า คันนี้เวลาเปิดเพลงจากเครื่องไอพอด จะมีการแสดงข้อมูลจำเพาะของเพลงนั้นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชื่ออัลบั้ม (Album Name) ชื่อเพลง (Song Name) ชื่อนักร้อง (Artist Name) พร้อมเวลาบอกจำนวนของแทร็ก หรือเพลงที่มีทั้งหมดในอัลบั้ม หรือ เพลย์ลิสต์ ของเรา
หน้าจอที่เห็นจากรูปด้านบนเป็นหน้าจอขนาด 5 นิ้ว (ไม่ใช่ระบบสัมผัส) แต่ถ้าหากเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรจะเป็นหน้าจอขนาด 7 นิ้ว (พร้อมระบบสัมผัส) หากเข้าเกียร์ถอยหลัง (ตำแหน่ง R) ภาพจะตัด ออกไปเป็นกล้องมองหลัง พร้อมระบบช่วยกะระยะโดยทันที
ซึ่งหน้าจอนี้จะแสดงรายละเอียดของคลื่นวิทยุ รายละเอียดเพลงจาดแผ่นซีดี หรือแม้แต่เพลงจากไอพอด (iPod) จะเห็นชื่อว่าไอพอดแบบนี้ ก็สามารถเล่นจากไอโฟน (iPhone) และ ไอแพด (iPad) ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการต่อตรงจากพอร์ต USB ที่มากับรถเลย ซึ่งข้อดีของการต่อสายตรงจากพอร์ต USB เลยคือ
- สามารถชาร์ตไฟได้ในตัว โดยไม่ต้องมีสายชาร์ตแยกมาอีกสาย หรือซื้อสายเสียง (AUX) เพิ่มอีก
- สามารถเปลี่ยนเพลงได้จากพวงมาลัย โดยตรง ไม่ต้องหยิบเครื่องขึ้นมากด ลดการเกิดอุบัติเหตุไปได้มาก
โดยระบบเสียงของเครื่องที่มีให้คือ คุณสามารถที่จะรับฟังวิทยุ AM/FM แผ่นซีดี (CD Audio หรือ MP3) จำนวน 1 แผ่น (ยังอุตสาห์มีมาให้) พร้อมช่อง AUX IN ต่อสัญญาณเสียงมาจากอุปกรณ์อื่นๆ เครื่องฟังเพลงอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตระกูลไอพอด พร้อมระบบปรับระดับเสียงตามความเร็วของรถ และถ้าอยากจะสุดจริงๆ ต้องรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร
ความคิดเห็นส่วนตัว
ระบบเสียงดีกว่ารุ่นก่อนมากๆ แม้จะเป็นรุ่น 2.0XV การใช้พอร์ต USB เชื่อมกับ iPhone ถือว่าสะดวกมากๆ พร้อมชาร์ตไฟแบต ไปได้ในตัว แบตเตอรี่ ขึ้นเร็วด้วย แป้บเดียวก็เต็ม แต่ยังมีเครื่องแฮงค์บางครั้ง ตอนกดปุ่มเปลี่ยนเพลงจากพวงมาลัย บางครั้งกดปุ่มเปลี่ยนเพลงไม่ได้ ต้องถอดสาย USB ออกมา แล้วเสียบใหม่ ถึงจะได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาซีเรียสอะไรมากมาย
เบาะ Nissan Teana
พูดถึงเรื่องของเบาะนั่งบ้างซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมากๆ ในอันดับต้นๆ ของเจ้าของรถทุกคน ที่จะเลือกรถดีๆ มาครอบครอง ซึ่งเจ้า รถนิสสันเทียน่า นี้ได้สร้างชื่อเอาไว้เป็นอย่างมาก ในรุ่นที่ผ่านมา (J32) เบาะค่อนข้างที่จะนิ่ม และ นั่งสบายมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนโซฟานุ่มๆ ที่บ้านกันเลยทีเดียว แต่พอมาถึงรุ่นนี้ (L33) ตอนแรกก็คาดกันว่าจะนั่งนิ่มสบายเหมือนตัวรุ่นที่แล้ว J32 แต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เบาะรุ่นนี้มีความแข็งมากขึ้น ไม่ได้นิ่มเหมือนโซฟาอย่างรุ่นก่อน
ซึ่งทางนิสสัน เองก็โฆษณาเอาไว้กับตัวใหม่นี้ว่า การออกแบบเบาะนั่งในรถรุ่นนี้ ถูกออกแบบโดยใช้หลักการ สภาวะไร้น้ำหนักของมนุษย์อวกาศ ซึ่งเป็นสภาวะ ที่ร่างกายของคนเราจะอยู่ในท่าทาง หรืออิริยาบถ ที่ผ่อนคลายมากที่สุด (ตามโบรชัวร์ เขาว่าไว้อย่างนั้น) ลองดูรูปประกอบของจริง (ขออภัยเบาะดำไปหน่อย ไม่ได้ขัดเลย เกิดจากการใช้งานจริงๆ นะ แหะๆ)
ซึ่งการขับรถทางไกล คงจะเป็นการดี ที่รองรับสรีระผู้ขับขี่ ไม่ให้เกิดอาการปวดเมื่อย เหนื่อยเมื่อยล้า เมื่อต้องขับขี่รถเป็นเวลานานๆ ส่วนเบาะ Nissan Teana ในรุ่น L33 ตัวนี้ก็ยังคงเป็นเบาะนั่งไฟฟ้าอยู่เหมือนเดิม แต่ทั้งสองรุ่น ไม่ได้มีระบบพัดลมเป่าขึ้นมาจากเบาะ เพื่อระบายความร้อน เหมือนรถระดับเดียวกันอย่าง โตโยต้าคัมรี่ (Toyota Camry) แต่อย่างใด
หากสังเกตุเบาะดูดีๆ จะพบว่า รุ่น L33 หนังของเบาะ (ตรงพื้นผิวสัมผัส) จะมีรูระบายอากาศ แต่ตัว J32 (รุ่นเก่า) จะไม่มีรูระบายอากาศซึ่งรูปทรงก็จะแตกต่างกันเล็กน้อย ตรงที่รองขาด้านหน้า
นอกจากนี้แล้วรถรุ่นนี้ยังมีระบบ “Welcome Seat” นั่นคือ เบาะนั่งจะถอยหลังออกไป เมื่อดับเครื่องยนต์ เพื่อให้การเข้าออกรถง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น และจะถอยกลับมายังตำแหน่งที่ได้ตั้งค่าเอาไว้ เมื่อตอนกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นผลมาจากระบบ “Memory Seat” ซึ่งสามารถจำได้ 2 ตำแหน่ง สำหรับในกรณีที่มีผู้ขับขี่ 2 คนสลับกันขับ และปุ่มปรับทิศทางของเบาะนั่งฝั่งคนขับได้ 8 ทิศทาง สำหรับฝั่งคนขับ และ 4 ทิศทางสำหรับฝั่งคนนั่ง หรือ ผู้โดยสารตอนหน้า
ส่วนเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถแยกพับแบบ 60:40 ได้ และตรงที่วางแขน สามารถดึงออกมาได้ พร้อมที่วางแก้วน้ำ และสังเกตุว่าจะมี LegRoom หรือ พื้นที่สำหรับหย่อนขาไปวางบนพื้นของห้องโดยสาร ได้กว้างอยู่พอสมควร คนอ้วน ตัวใหญ่ ไม่ต้องกังวลเลย
แต่ก็มีจุดที่ผิดหวัง (เล็กน้อย) คือ ตำแหน่งกรอบสี่เหลี่ยมสีแดง (ที่มีลูกศรสีแดงชี้ไปหา) ที่โค้งงอขึ้นมา ตรงกลางรถ ซึ่งทำให้ค่อนข้างขยับขา หรือ ขยับของ ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีผู้โดยสารที่ต้องนั่งตรงกลาง ก็จะลำบากพอสมควร ต้องแหกขากันสักเล็กน้อย ซึ่งสังเกตุดูรถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน จะทำตรงนี้เป็นแนวแบนราบ เพื่อให้ขยับตัว เคลื่อนที่ ให้ง่ายขึ้น แต่ประโยชน์ก็ใช่ว่าจะไม่มี ประโยชน์ของมันคือ ช่วยทำให้โครงสร้างตัวถังของรถแข็งแรงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ความคิดเห็นส่วนตัว
ภายในรถ ให้ลูกเล่นมาเยอะมากๆ ทั้ง นี่ขนาดเป็นรุ่น 2.0XL ซึ่งเป็นรุ่นรองสุดท้าย ยังให้มาชนิดที่เรียกว่า รถคู่แข่ง ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ให้มาในรุ่นท็อปเท่านั้น หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ จุดนี้มองว่านิสสัน กะทำมาขอส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง อย่างแน่นอน จุดนี้ปรบมือให้
เจ 32ผมใช้ยุคับ ในเมืองซดน้ำมันแหลก
ตจว.ดีกว่าคับ เบาะนิ่มดีขับทางไกลสบาย
สรุปใช้ขับระหว่างเมืองดีมาก ใช้ในเมืองขับลำบากครับเพราะรถบอดี้หญ่มาก.
ขอบคุณสำหรับ Comment นะครับ รุ่นนี้ผมก็เคยขับเหมือนกัน ความเห็นตรงกันครับ 🙂
เห็นพุดถึงความเงียบ ผมคนนึงครับ ที่ลืมดับรถในห้างมาแล้ว เงียบจริง ๆ ครับ
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
เบาะรุ่นปัจจุบัน แข็ง มีอะไรพาดใต้เบาะทำให้บริเวณขาท่อนบนนั่งเจ็บทรมานมากมาก และปลายเบาะโง้มและแข็งนั่งแล้วเจ็บ
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับผม เบาะรุ่นเก่านิ่มกว่ามาก
คุณเก่งมากๆเลยครับ
พอจะมีตัวอย่างหมายเลขตัวรถ Nissan L33 มัยครับ? และรายละเอียดแต่ละหลักแต่ละตัวเลข เหมือนพวก Honda หรือ Toyota นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ปัญหาส่วนมากที่เห็นผู้ใช้เจอกันคือเรื่อง ยางดังมาก ภายในไม่ได้เงียบอย่างที่พูดๆกัน ทำไมไม่เห็นมีคนรีวิวคนไหนพูดถึงเรื่องนี้กันนะ
รีวิว ดีมากครับ ดูตอนตัดสินใจซื้อรถ จองรถไปแล้วก็ยังมาดู ระหว่างรอรถก็ยังดู ตอนนี้ใกล้ได้รถมาลองมั้งแล้วครับ เสียดายที่ไฟหน้าไม่ใช่ซีน่อน ไม่มีไฟ daylight แต่ผมว่าจะไปติดอยู่แล้วหลังใช้ไปสักพัก
อีกอย่าง เสียดายจัง ไม่มีตัวอย่าง เสียงเพลง ของลำโพง L33
ได้ความรู้ทะลุปรุโปร่งเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่สละเวลานั่งคีย์ให้เป็นสาธารณะประโยชน์
ขอบคุณมากครับผม
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเยอะเลยครับ
แต่ว่าผมจะติดตามอ่านต่อภาคสองได้ที่ไหนครับ
ขอบคุณมากๆ นะครับผม ตัวนี้มีภาคเดียวครับผม จบแล้วครับ แหะๆ ไม่ทราบว่าได้ตามอ่านไปยังหน้า 2 3 4 5 แล้วหรือยังครับผม
http://www.thanop.com/nissan-teana-2014-l33-review/2/
http://www.thanop.com/nissan-teana-2014-l33-review/3/
http://www.thanop.com/nissan-teana-2014-l33-review/4/
http://www.thanop.com/nissan-teana-2014-l33-review/5/
ขอบคุณมากครับ ดีมากครับ กำลังจะได้มาเหมือนกันรุ่นสีเดียวกันครับ
ไม่ทราบว่าซื้อที่หุ้มพวงมาลัยที่ไหนครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคร้าบที่เข้ามาอ่านรีวิว ส่วนที่หุ้มพวงมาลัยผมซื้อมาจากโลตัส มั้งครับ ไม่ยากครับ ลองเดินหาดูตามห้างฯ พวกแผนกประดับยนต์ได้เลยครับผม
ขอบคุณครับ ที่ซื้อยี่ห้อนี้ รุ่นนี้ สีนี้ ส่วนนึงก็เพราะอ่านบทความนี้ครับ
ขอบคุณมากครับ
Thumbsup! Very good and in-depth review krub.
ขอบคุณมากๆ นะครับผม