เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016
บทความนี้ เป็นรีวิว เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016 (Thai National Football Team Jersey 2016) ชื่อรุ่น “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” จากยี่ห้อ แกรนด์สปอร์ต (Grand Sport) ที่เปิดวางจำหน่ายให้แก่แฟนฟุตบอลชาวไทย อย่างเป็นทางการใน วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) ซึ่งตรงกับวันแรก ของการแข่งขันศึก ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย (หรือ รอบที่ 3) พอดี
และแน่นอน ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ของเราก็ผ่านรอบก่อนหน้านี้เข้ามาได้เช่นกัน และ เปิดสนามนัดแรก ในรอบนี้ ด้วยการพบกับ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย (Saudi Arabia) ที่สนามคิงฟาฮัดสเตเดี้ยม (King Fahd International Stadium) เมืองริยาด (Riyadh) ประเทศซาอุดิอาระเบีย และชุดนี้ก็จะเป็นคอลเลคชั่น สุดท้ายของทางแกรนด์สปอร์ต ที่จะได้คลอดออกมา เนื่องจากทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็จะเปิดซองประมูลให้แก่ผู้สนับสนุนชุดแข่งขันรายใหม่ เข้ามาร่วมประมูลแข่งขัน ยื่นซองกันต่อไป นั่นเอง
โดยก่อนหน้านี้ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ฝ่าฟันอุปสรรค และ ขวากหนามในรอบที่ 2 ที่อยู่ร่วมสายกับ ทีมชาติอิรัก ทีมชาติเวียดนาม ทีมชาติไต้หวัน และ ทีมชาติอินโดนิเซีย (โดนแบน) ด้วยการเข้ารอบเป็นที่ 1 ของสาย มีคะแนนสะสมสูงกว่า ทีมชาติอิรัก ที่ว่ากันว่าจะเข้ารอบต่อไปอย่างสบายๆ แถม เป็นตัวเต็ง ทีมวางอันดับ 1 ของสาย แต่ก็ทำไม่ได้ โดนทีมฟุตบอลทีมชาติไทยแซงไปนั่นเอง
เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย ในยุคแกรนด์สปอร์ต
แกรนด์สปอร์ต (Grand Sport) เองก็จัดเป็นแบรนด์ชุดและอุปกรณ์กีฬา ที่อยู่คู่กับวงการฟุตบอลไทย มานานแสนนาน หากย้อนกลับไปเมื่อยุคปีเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ก็ให้การสนับสนุน ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยมาเหมือนกัน
ขอเท้าความกลับไปในช่วงของ ฟุตบอลไทย ยุคปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) ช่วงนั้นถือเป็น ช่วงปลายยุคมืดของ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย หลังจากที่ทางยี่ห้อ แกรนด์สปอร์ต (Grand Sport) ที่ได้รับช่วงเป็นสปอนเซอร์ชุดแข่ง ต่อจากแบรนด์ไนกี้ (Nike) ที่เข้ามาอยู่ในวงการฟุตบอลทีมชาติไทยก่อนหน้านั้น 4 ปี (ตั้งช่วงปลายปี พ.ศ. 2551 หรือ ค.ศ. 2008) ซึ่งทีมชาติไทย ก็ประสบกับความล้มเหลวมามากมาย อาทิ ไม่สามารถคว้าแชมป์ ฟุตบอลรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ (AFF Suzuki Cup) ทั้งสมัยปี 2008 2010 และ 2012 ซึ่งเป็นรายการพื้นฐานที่ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ควรจะต้องได้แชมป์อยู่แล้ว และอีกหลากหลายรายการที่ก็ตกรอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบจะไม่มีคนสนใจฟุตบอลไทยในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ (แต่ผมก็ยังสนใจ และ ติดตามข่าวสารอยู่เรื่อยๆ นะ)
หลังจากที่แกรนด์สปอร์ต เข้ามาสนับสนุนชุดแข่งขันให้กับ ทีมฟุตบอลชาติไทย หลังจากนั้นให้หลังประมาณ 1 ปีกว่าๆ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ก็ได้ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหอกดาวยิงทีมชาติไทย หลายยุคสมัย เข้ามา นั่งแท่นคุมบังเหียน ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (U23)
และ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ก็มีผลงานที่ดีขึ้นตามลำดับ ด้วยการบุกไปเอาชนะทีมชาติจีนชุดใหญ่ถึงแดนมังกร 5 ประตูต่อ 1 ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2014 ถือเป็นการเปิดศักราช ที่สวยงาม และ ยอดเยี่ยม ของ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ในยุคของ “ซิโก้” และทำให้แฟนฟุตบอลทีมชาติไทย ต่างเห็นแสงสว่างปลายอุโมค์ ของวงการฟุตบอลไทย ที่จะหวนคืนกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง หลังจากที่เงียบหายไปนาน
หลังจากนั้น ทีมก็มีผลงานที่ดีขึ้น ดีขึ้น ตามลำดับเรื่อยมา ด้วยการบุกไปคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลชาย ในอินชอนเกมส์ และ คว้าแชมป์ ฟุตบอลรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ถือเป็นการกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งในรอบ 12 ปี ในช่วงปลายปีเดียวกัน
แถมในปีถัดมา ต.ศ. 2015 ก็ยังทำผลงานได้ดี ผ่านเข้าสู่รอบ 3 ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ไปอีกรายการ ทำให้ไม่มีอะไรมาฉุด ความแรง และ กระแสนิยม ของ ทีมฟุตบอลชาติไทย ได้อยู่แล้ว ในยุคนี้
ทำไมเสื้อ แกรนด์สปอร์ต ถึงเป็นที่นิยม ?
จากที่กล่าวมาด้านบนก็ เรียกได้ว่า ชุดกีฬาแกรนด์สปอร์ต ได้เข้ามาอยู่คลุกคลี อยู่ในวงการฟุตบอลไทย ได้ถูกยุค ถูกสมัย เพราะในยุคก่อนๆ เวลาที่ แฟนฟุตบอลชาวไทย เข้าไปเชียร์ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ในสนาม ส่วนมากคนก็จะสวมใส่ชุดส่วนตัวไป (ต่างคนต่างใส่) ไม่ได้ใส่เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย เข้าไปเชียร์มากมาย และ พร้อมเพรียงกัน เหมือนในยุคปัจจุบันนี้
นอกจากนี้ ในยุคปัจจุบัน โลกของเรามีสื่อออนไลน์ อย่างโซเชียลมีเดีย อยู่มากมาย อาทิ เฟสบุ๊ค (Facebook) อินสตาแกรม (Instagram) ทวิตเตอร์ (Twitter) ทำให้เกิดกระแส คนนำ ไปแชร์ และ ไปไลค์ กันเป็นวงกว้าง เวลาไปดูฟุตบอลที่สนามก็ มีการถ่ายรูปหมู่บ้าง รูปเดี่ยวบ้าง รูปคู่บ้าง และก็นำไปแชร์ กันบนสื่อโซเชียลฯ ต่างๆ กันอย่างคับคั่ง บางคนก็ไปกันในหมู่เพื่อนฝูง บางคนก็ไปกันแบบหนุ่มสาว บางคนก็ไปกันแบบครอบครัว มีกันครบทุกรสชาติเลยทีเดียว
โดยเวลาที่ผู้คนเข้าไปชม ไปเชียร์ฟุตบอลไทย ในสนาม ต่างก็พากันใส่ เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย เข้าไปในสนามกันอย่างพร้อมเพรียง กลายเป็นว่า ใครที่ไปเชียร์ในสนาม แล้วไม่ได้ใส่เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย นี่ดูแปลกกันไปเลยทีเดียว คนอื่นรู้สึกยังไงไม่รู้ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้น
และด้วยอิทธิพลของสื่อโซเชียลฯ ก็มีผลต่อนักฟุตบอลทีมชาติไทย หรือแม้แต่โค้ช ผู้ฝึกสอน ก็เช่นกัน เพราะ ต่างคน ต่างก็เล่นโซเชียลฯ กันแทบจะทุกคน อย่างน้อยก็ต้องมี เฟสบุ๊ค และ อินสตราแกรม เท่าที่สังเกตดู นักฟุตบอลในระดับไม่ดัง ขี้หมูขี้หมา ต้องมีอย่างน้อย 5 หมื่นผู้ติดตาม (Followers) ขึ้นไป จึงเกิดกระแสทีมชาติไทยฟีเวอร์ หลายคนอยากได้ของที่ระลึก สะสม ของ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย และ หนึ่งในของสะสม ที่เป็นที่ยอดนิยมที่สุดก็คือ “เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย” นั่นเอง
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือเรื่องของ “ราคา” เพราะเนื่องจาก แกรนด์สปอร์ต เป็นแบรนด์สินค้าของคนไทย จึงทำให้ราคาจำหน่าย ต่างๆ เป็นราคาที่ทุกคนสามารถเอื้อมถึง (แต่ก็ยังมิวาย มีของปลอมโผล่ออกมาจำหน่ายในท้องตลาดอยู่ดี) โดยทางแกรนด์สปอร์ต วางราคาจัดจำหน่ายชุดแข่งขัน อยู่ที่ไม่เกิน 1 พันบาท (สำหรับไซส์เสื้อแบบปกติ) บวกกับมีดีไซน์การออกแบบ ที่สวยงาม และ ไม่ได้ดูขี้ริ้วขี้เหร่อะไร จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างสูงเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับแบรนด์เสื้อต่างประเทศ ที่คุณจะต้องมีงบประมาณอย่างน้อย เฉียดๆ 2 พันบาท หรืออาจจะสูงกว่านั้น ถึงจะสามารถจับจองเป็นเจ้าของมันได้
แพคเกจด้านนอก เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016
หลังจากที่กล่าวประวัติ ชุดแข่งขันของเสื้อฟุตบอลแกรนด์สปอร์ต มาซะยาว ก็ลองมาดูห่อบรรจุของ เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016 กันดูบ้างว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
แพคเกจห่อ มาแบบสวยงาม หรูหรา แฝงความเป็นไทย และดูทันสมัย โมเดิร์นนิดๆ เริ่มจาก ด้านหน้าห่อเสื้อ เขียนสีทองว่า “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” และ ด้านหลังเป็นที่อยู่ของ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแกรนด์สปอร์ต นั่นเอง www.grandsport.com ด้านในมีการพับเก็บอย่างดี มีที่หนีบเสื้อ พร้อมกับกระดาษแข็งอยู่ด้านใน เพื่อจัดทรงของเสื้อให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
โดยทางแกรนด์สปอร์ตเน้นย้ำ ว่า “ห้ามรีด ! บนงานพิมพ์ (Do not Iron on Printing Area !)” พวกลายโลโก้ยี่ห้อ โลโก้ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย (ลายช้างศึก) มิเช่นนั้นอาจทำให้หลุดลอกได้
คุณสมบัติของ เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016
ส่วนนี้เป็นส่วนที่จะกล่าวถึง คุณสมบัติเด่น ของ เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016 กันดูบ้างว่า มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามรูปด้านล่างนี้เลย
จากที่เห็นคุณสมบัติและการออกแบบดีไซน์ ของ เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016 แล้ว สิ่งที่ผมประทับใจก็คือนำเอาสีทอง เข้ามาช่วย ปกด้านใน เป็น ขลิบสีทอง และ ปกด้านนอก เปลี่ยนจากสีขาวจากรุ่นก่อน ให้เป็น สีกรมท่า ในรุ่นปัจจุบัน ซึ่งรุ่นก่อน คอปกเป็นสีขาวมันเลย ดำง่าย และ ซักทำความสะอาดยาก อยู่พอสมควรเลยทีเดียว
ส่วนลวดลายบนตัวเสื้อ เปลี่ยนจาก ลายแนวขวาง (แนวนอน) เป็น ลายทาง (แนวตั้ง) แทน เหมาะสำหรับคนตัวไม่สูง (ตัวเตี้ย) อย่างผม และ เมสซี่เจ (หาเพื่อน) ให้ดูแล้วสูงขึ้นมาอีก 5% เห็นจะได้ (มโนเอง ๕๕๕)
ในส่วนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมาก ด้านหลังคอปกด้านหลัง ยังคงไว้ซึ่ง ตราพระมหามงกุฎ เหมือนเดิม ซึ่งเป็นตราพระราชทาน ที่พระราชทานโดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ลองดูรูปถ่ายกันไปแบบเต็มๆ เลย
ไซส์ M เหมือนกัน แต่เวอร์ชั่น 2016 ยาวกว่า
และช่วงระหว่างที่ถ่ายรูปของ เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย ของทั้ง 2 รุ่นอยู่ ก็เริ่มรู้สึกเอะใจ เหมือนตัว ค.ศ. 2016 จะยาวกว่าหน่อยๆ เลยจับมาแขวนคู่กันซะเลย ปรากฏว่า “ชัดเจน” ไซส์ M เหมือนกัน แต่ขนาดความยาวของทั้ง 2 รุ่น ไม่เท่ากัน
นั่นคือขนาดความยาว (Length) ของเวอร์ชั่น 2016 ยาวกว่า 2014 แบบเห็นได้ชัดเจน
ดูเนื้อผ้ากันชัดๆ
สำนวนโบราณเขาว่า ของนั้นคุณภาพจะดีหรือไม่ดีก็ให้ “ว่าไปตามเนื้อผ้า” และนี่คือการรีวิวเสื้อ ก็ขอ ว่าไปตามเนื้อผ้า จริงๆ เลยละกัน
วัดความหนา หรือ ความโปร่งแสง ของเสื้อ
ผมทดลองวัดความหนาของ เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย ทั้ง 2 รุ่น ก็คือรุ่นปี ค.ศ. 2014 และ ค.ศ. 2016 ให้ดูกันด้วย การวัดความส่องสว่างมีหน่วยเป็นลักซ์ (Lux) ผ่าน แอพพลิเคชั่น Light Meter บนไอโฟน และ วางเสื้อบนโคมไฟที่ใส่ หลอดไฟ LED สีขาว เพื่อวัดค่าของแสงที่ยิงเข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็ ใช้แอพฯ อ่านค่าของแสงที่ผ่าน เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย ของทั้ง 2 รุ่น เพื่อดูว่ารุ่นไหน ใครที่จะหนากว่ากัน กันแน่
สรุปคือตัว รุ่นปี ค.ศ. 2016 เสื้อมีความบางกว่ามากๆ เพราะมีความสว่างผ่านเข้ามามากกว่า (ค่า Lux จึงมากกว่า) แต่ว่าค่าอาจความสว่างนี้ อาจจะไม่แน่นอนและแม่นยำเท่าไหร่นัก เพราะไม่ได้ใช้เครื่องมือวัดแสงที่เป็นมืออาชีพจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราสามารถเห็นภาพถึงความแตกต่างได้ชัดเจนขึ้นมาบ้าง
มีกระดุมเสื้อ แถมมาให้ด้วยอีก 1 เม็ด
ภาพด้านล่าง เป็นภาพชัดๆ ที่ผมซูมให้ดูในส่วนของเนื้อผ้าด้านใน พร้อมกับรายละเอียดวิธีการดูแลรักษาเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย 2016 ที่ส่วนใหญ่จะเน้นไปเรื่องของการใช้ความร้อนที่ต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการอบผ้า หรือรีดผ้า เพราะเนื้อผ้าค่อนข้างบางมากๆ จึงต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย และ นอกจากนี้ยังมีกระดุมเสื้อ แถมมาให้สำรองจากโรงงานอีก 1 เม็ด เผื่อของที่ติดมากับเสื้อ หลุดหาย
สุดท้ายก่อนจากกัน
รีวิวฉบับนี้ความจริงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ เครื่องใชไฟฟ้า คอนเซปของเว็บไซต์ Thanop.com นี้เลย แต่ที่มาเขียนก็เพราะตัวเองเป็นคนที่ “ใจรักฟุตบอลไทย” เป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอดีมีโอกาสได้ ซื้อเสื้อมาใหม่ จากทาง ร้านเอเชียสปอร์ต (Asia Sport) สมุทรปราการ (สำโรง) มาก็นำมาฝากกัน พร้อมช่วยหาข้อมูล และ รูปถ่ายมาประกอบ บทความรีวิวชุดนี้ให้ ขอบคุณมากๆ นะครับ และฝาก “กด LIKE” เพจของเขา และ ไปอุดหนุนกัน ด้วยนะครับ เขามีบริการสั่งออนไลน์ ส่งของให้ถึงบ้านอีกด้วยเช่นกัน สามารถสอบถามทางการส่งข้อความ Inbox ไปยังเพจของเขาในเฟสบุ๊คได้เลยครับ
สำหรับข้อดีข้อเสีย ของเสื้อคงไม่มีเขียน เพราะไม่รู้ว่าจะนำไปเปรียบเทียบกับใครครับ สุดท้าย ไม่ว่าผลงานของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย จะเป็นอย่างไร จะดีหรือแย่ เพียงใด ขอให้พวกเราเดินเคียงข้าง ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ต่อไปนะครับ ไทยแลนด์ปู๊นๆ ไทยแลนด์ปู๊นๆ ไทยแลนด์ปู๊นๆ สวัสดีครับ
